

จดหมาย
ประจำวันที่ 6-12 มิถุนายน 2568 ฉบับที่ 2338
• สัมพันธ์ ตปท. (1)
ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ของไทย ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา
เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568
ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในภูมิภาค
และยังสะท้อนถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงอันยาวนานระหว่างสหรัฐกับไทย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสของทั้งสองชาติเข้าร่วมในพิธีเปิด ได้แก่ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ศักดิ์สิทธิ์ แสงชนินทร์ ผู้อำนวยการ TMAC พ.ท.จอห์นนี่ คิว ผู้อำนวยการแผนกฝึกร่วมผสม คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐ ประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) และ พ.ท.ทิบายอัน ไอแซค เจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุระเบิด กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ แปซิฟิก
ในโอกาสนี้ โครงการวิจัยและพัฒนาด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (HD R&D) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้มอบเครื่องจักรกวาดล้างทุ่นระเบิด GCS-200 ให้แก่ TMAC
โดยนาวิกโยธินสหรัฐ จากกองร้อยทหารทำลายวัตถุระเบิดที่ 3 กองพันทหารช่างสนับสนุนที่ 9 ส่วนส่งกำลังบำรุงนาวิกโยธินที่ 3 ซึ่งประจำการอยู่ ณ เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น มาดำเนินการฝึกการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวให้ระหว่างวันที่ 18-30 พฤษภาคม 2568
ศูนย์แห่งนี้จะเป็นอาคารหลักในการฝึกเจ้าหน้าที่กองทัพไทยและเจ้าหน้าที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด ภายใต้โครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ แปซิฟิก (MARFORPAC) ซึ่งมี TMAC เป็นผู้นำการฝึก และสหรัฐให้การสนับสนุน
นอกจากนั้นแล้ว TMAC ยังมีแผนที่จะขยายภารกิจของศูนย์เพื่อฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จากองค์กรเก็บกู้ทุ่นระเบิดจากนานาประเทศด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่าง TMAC และกระทรวงกลาโหมสหรัฐ สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 151/2541 ซึ่งกำหนดให้มีการเสริมสร้างศักยภาพการตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดของประเทศ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายและวิธีป้องกันภัยจากทุ่นระเบิด ผู้นำด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของไทย โดยฉันทามติของ TMAC ได้กำหนดมาตรฐานระดับภูมิภาคขึ้น
นอกจากนี้ โครงการยังเตรียมความพร้อมปฏิบัติงานของนาวิกโยธินสหรัฐ ในการฝึกเก็บทุ่นระเบิดในสถานการณ์จริง ซึ่งเสริมสร้างการปฏิบัติงานร่วมกันของทั้งสองชาติ
“ศูนย์นี้ไม่ได้เป็นเพียงอาคารฝึก แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่เรามีร่วมกันเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น” พ.ท.จอห์นนี่ คิว กล่าว และว่า “ด้วยความร่วมมือที่ยั่งยืน เรากำลังดำเนินการเพื่อความมั่นคงของชาติไทย และขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมายด้านมนุษยธรรมไปพร้อมๆ กับการส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค”
การเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่หลงเหลืออยู่จากสงครามทำให้ชุมชนปลอดภัยขึ้น และช่วยให้ผืนดินกลับมามีประโยชน์ ศูนย์แห่งนี้นำไปสู่ทางออกเพื่ออนาคตข้างหน้า โดยใช้นวัตกรรม ความร่วมมือ และความรับผิดชอบร่วมกัน
ฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย
ถือเป็นความสัมพันธ์
ในเชิงสร้างสรรค์ระหว่างไทยกับสหรัฐ
เรื่อง “ทุ่นระเบิด” นอกจากเรามีปัญหา
ในจังหวัดชายแดนใต้ ที่ต้องแก้ไขแล้ว
กับประเทศเพื่อนบ้านคือลาว และกัมพูชา
ยังมีปัญหาเรื่อง “ทุ่นระเบิด” ที่ตกค้างอยู่จำนวนมาก
ซึ่งเป็นเรื่องดี หากจะร่วมกันแก้ปัญหานี้
ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างวางทุ่นระเบิดใส่กัน
เหมือนไทย-กับกัมพูชา ที่ตอนนี้ชายแดนทั้ง 2 ประเทศ
เต็มไปด้วย “ทุ่นระเบิด”–ระเบิดแห่งความขัดแย้ง
ที่พร้อมจะบึ้มขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้
น่าหวาดเสียว
• สัมพันธ์ ตปท. (2)
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับ MR.Weonseok Joseph Choi ประธานบริษัท Maruchu Bussan Co., Ltd. ภญ.ภัสราธาดา วัชรธาดาอาภาภัค ผู้บริหารบริษัท เจ็นติกส์ จำกัด หรือ Gentix เตรียมสร้างความสำเร็จครั้งสำคัญในการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อการชะลอวัยจาก Plant-Based Biotechnology for Longevity ไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในแถบเอเชีย
ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ที่ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากพืชของประเทศไทย สามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้สำเร็จ
โดยทั้งสามหน่วยงานจะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้
ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ความร่วมมือกับ Gentix และการบุกตลาดญี่ปุ่นครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ไทยสามารถส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน มีคุณค่าในตลาดนานาชาติได้
MR.Weonseok Joseph Choi กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ขณะนี้กำลังหาหนทางนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาสนองตอบต่อความต้องในการชะลอวัย ซึ่งประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่สามารถรองรับความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตรงกับความต้องการของกลุ่มลุกค่าเป้าหมายที่สำคัญต่อไป
กองประชาสัมพันธ์
สำนักสื่อสารองค์กร
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในทางสร้างสรรค์
ที่ควรสนับสนุน
ด้วยเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจและธุรกิจสุขภาพ
เราควรเห็น “ภาพ” เช่นนี้มากๆ
มากกว่าความขัดแย้ง
ทั้งที่เป็นสงคราม “เขตแดน”
รวมถึงสงครามการค้า ที่ระอุไปทั้งโลก •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022