จับยกแก๊ง-ปล้นบุหรี่ไฟฟ้า บุกคลังของกลางกรมศุลฯ เหี้ยมถอยรถตู้ทับ รปภ.ดับ ตร.สงสัยเกลือเป็นหนอน

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด

จับยกแก๊ง-ปล้นบุหรี่ไฟฟ้า

บุกคลังของกลางกรมศุลฯ

เหี้ยมถอยรถตู้ทับ รปภ.ดับ

ตร.สงสัยเกลือเป็นหนอน

จากการระดมปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังของรัฐบาล โกดังใหญ่ๆ ถูกบุกทลาย ยึดของกลางไปจำนวนหลายล้านชิ้น ส่วนการลักลอบนำเข้าก็ไม่สามารถทำได้ง่ายดายเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์อุกอาจราวกับภาพยนตร์แนวอาชญากรรม ภายในที่เก็บของกลางของกรมศุลกากร

เมื่อเวลา 01.40 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ตำรวจ สน.ท่าเรือ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าโกดังสเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.นิติเวชจุฬาฯ และอาสาร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบร่างนายบุญนาค สวัสสุข อายุ 58 ปี สภาพสวมเครื่องแบบ รปภ. มีบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะ 1 แผล และด้านหลัง 1 แผล เลือดออกจมูกจำนวนมาก นอนหงายเสียชีวิต ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 i ทะเบียน ลรค 486 กทม. สภาพล้มคว่ำอยู่มีรอยชนอย่างรุนแรง และยังพบรถกระบะ สีเทา 1 คัน มีรอยเฉี่ยวชนด้านข้างซ้ายได้รับความเสียหาย

จากการสอบถามได้ความว่า กรณีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจฆ่า หลังกลุ่ม รปภ.ล้อมจับกลุ่มคนร้าย 5-6 คน ที่ใช้รถตู้เข้ามาขโมยของ แต่ถูกคนร้ายขับรถพุ่งชนเสียชีวิต

หลังก่อเหตุรถตู้คันดังกล่าวจึงขับรถหลบหนี มุ่งหน้าไปทางห้าแยก ณ ระนอง

นายมนตรี ดอกเตย หัวหน้าผลัดรักษาความปลอดภัย องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ซึ่งเป็น รปภ. ดูแลพื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุ และเป็นหัวหน้าของนายบุญนาคเล่าว่า ปกติบริเวณโกดังสเตเดียมที่มีการเก็บตู้คอนเทนเนอร์ จะมีการปิดประตูรั้วเลื่อนไว้ทั้ง 2 ฝั่ง และไม่มี รปภ.ประจำจุด แต่จะใช้วิธีขี่รถลาดตระเวนดูเอา เมื่อคืนนี้มีการแข่งขันฟุตซอล ทำให้ต้องเปิดประตูไว้ น่าจะเป็นช่องโอกาสให้กลุ่มคนร้ายแอบเข้ามา

ทั้งนี้ ก็ยังสงสัยว่ากลุ่มคนร้ายรู้ได้อย่างไรว่าในตู้คอนเทนเนอร์มีสินค้าอยู่ เพราะแม้แต่ตนที่เป็น รปภ.ก็ยังคิดว่าแต่ละตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้มีของสำคัญอะไร และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น รู้สึกเสียใจมากที่ต้องเสียลูกน้องที่ดีไป 1 คน

รถตู้ที่ใช้ก่อเหตุ

ส่วนนายสมชาย จั่นเพ็ชร จิตอาสาที่ช่วยดูแลพื้นที่ เล่าว่า เมื่อคืนนี้ ประมาณตี 1 ขณะอยู่ที่บ้าน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่นอนอยู่ในรถ ด้านในโกดังสเตเดียมเพื่อหลบฝน ว่าได้ยินเสียงคนมางัดตู้คอนเทนเนอร์ จึงรีบมาดูและแจ้ง รปภ.ให้ไปปิดประตูทางเข้าออกทั้ง 2 ทาง และไปซุ่มดู

แต่กลุ่มคนร้ายไหวตัวทัน หยุดขโมยของและพยายามจะหลบหนี แต่หนีไม่พ้นเพราะถูก รปภ.ปิดล้อมไว้ ก่อนจะเกิดการเถียงกัน โดยคนร้ายที่เป็นคนขับรถตู้อ้างว่าเข้ามาจอดรถนอน ระหว่างนั้นได้เอาไฟฉายไปส่องในรถตู้ของคนร้าย ก็พบกล่องกระดาษสีน้ำตาล 1 ลัง ไม่เห็นว่าภายในเป็นอะไร จึงได้ถ่ายรูปทะเบียนรถของคนร้ายไว้

แต่ไม่ทันไรคนร้ายก็ขับรถหนีด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบริเวณประตูที่ รปภ.ปิดไว้ คนร้ายก็ลงจากรถมาเปิดประตู ก่อนที่รถตู้จะขับนำไป เหลือเพื่อนคนร้าย 2 คนที่ลงมาเปิดประตูรั้ว วิ่งอยู่บริเวณถนน ซึ่งกำลังถูก รปภ.ตามจับอยู่

จากนั้นรถตู้ก็ถอยหลังมาด้วยความเร็ว คิดว่าน่าจะถอยมารับเพื่อน ก่อนจะไปชนกับนายบุญนาค และชนรถกระบะอีกคันที่ลงทางด่วนมา คนขับยังไม่ทันรับเพื่อนก็ขับรถหนีไป ทิ้งเพื่อน 2 คนให้วิ่งหนีกันไปคนละทาง

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ นำชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เบื้องต้นทราบว่าทางกรมศุลกากรมาเช่าพื้นที่ของการท่าเรือในการเก็บของกลางมีตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 55 ตู้ เก็บของกลางทั้งเอกสารและสินค้าอื่นๆ โดยคนร้ายขโมยตัดกุญแจตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 5 ตู้ แบ่งเป็น ตู้เอกสาร 2 ตู้ ตู้สินค้าอื่น 2 ตู้ และตู้บุหรี่ไฟฟ้า 1 ตู้ ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของกลางจากหลายพื้นที่ที่กวาดล้างและนำมาเก็บรวมไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวเป็นหลักฐานระหว่างการพิจารณาคดี

พอได้ข้อมูล ชุดสืบสวนเร่งเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของคนร้าย จนพบว่ารถตู้ถูกนำไปจอดทิ้งที่วัดแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 จากนั้นจึงตามไปควบคุมตัวนายนรินทร์ กาเผือก อายุ 46 ปี หรือเบิร์ด เจ้าของรถมาสอบสวน

โฉมหน้าแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า

เพียงวันเดียว ตำรวจก็ได้ข้อมูลคนร้ายทั้งแก๊ง โดยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายธนทร ก้อนนาค อายุ 41 ปี หรือจี 2.นายสุวัฒน์ พ่วงยาม อายุ 42 ปี หรือเล็ก 3.นายนรินทร์ กาเผือก อายุ 46 ปี หรือเบิร์ด 4.นายเอกชัย สมใจ อายุ 42 ปี หรือเอก 5.นายสิทธิศักดิ์ สุขบุญ อายุ 38 ปี หรือแบงค์ 6.นายภียกร ธิติปุญญวัชร์ อายุ 27 ปี หรือคิง โดยส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่คลองเตย ที่สำคัญหลายคนมีประวัติเคยโดนจับมาแล้ว แถมบางคนยังเป็นมือเป็นไม้ให้กับตำรวจอีกด้วย

โดยทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ได้แก่ “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร”

ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ซึ่งเป็นหัวโจกและเป็นคนขับรถตู้ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหาคือ “ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้”

นอกจากทั้ง 6 คนแล้ว ตำรวจสืบนครบาลได้คุมตัวนายดิศรณ์ หรือเจ ยังคงวิรัชพร อายุ 41 ปี เพื่อนของนายธนทร หรือจี หลังรับฝากบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 65,820 บาทเอาไว้ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ดำเนินคดีในข้อหา “รับของโจร”

ชุดสืบสวนนครบาล ชุดสืบสวน สน.ท่าเรือ ระดมล่าตัวแก๊งคนร้ายเพียงวันเดียวก็สามารถตามจับคนร้ายได้ 5 คน ขาดเพียงนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ เพียงคนเดียว

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ผู้ต้องหารายสุดท้าย ส่งให้ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมสอบปากคำ ที่ห้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ หลังตามไปจับกุมตัวได้บริเวณริมถนนหน้าชุมชนคลองเตย ล็อก 456

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงผลการจับกุม

พล.ต.ต.วิทวัฒน์เผยว่า จากการสอบปากคำนายแบงค์ รับว่าเป็นการก่อเหตุครั้งที่ 2 มีการอ้างถึงบุคคลอื่นอีก 1-2 คน เป็นเพื่อนของเพื่อน เคยทำงานเป็นอดีต รปภ.ของกรมศุลกากร แต่ออกไปนานแล้ว อดีต รปภ.คนนี้เป็นคนให้ข้อมูลเรื่องการจัดเก็บของกลาง โดยตำรวจจะต้องพิธีสูจน์ทราบ และขยายผลต่อ แต่จากคำให้การไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง

ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าที่ปล้นออกไปได้ล็อตแรก มีการนำไปขายต่อทันที โดยเมื่อได้ของมาแล้ว ก็มาบอกต่อกลุ่มเพื่อนให้ช่วยหาคนรับซื้อโดยไม่ได้มีออเดอร์มาก่อนล่วงหน้าเพราะขณะนี้ความต้องการบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดค่อนข้างสูงอยู่แล้ว

ซึ่งในส่วนของล็อตแรก ได้ส่งขายไปให้กับเจ้าใหญ่รายเดียว ได้เงินมาประมาณ 300,000 บาท และมีการแบ่งส่วนแบ่งให้กับ 3 คน คือ แบงค์ เอก และเล็ก เพราะร่วมก่อเหตุตั้งแต่ขโมยของล็อตแรก หลังจากนั้นก็มาปล้นต่อทันที ของวันที่ 1 มิถุนายน ต่อเนื่อง โดยในรอบหลังมีผู้ก่อเหตุเพิ่มมาเป็นทั้งหมดรวม 6 คน

จากนี้ตำรวจจะต้องไปขยายผลเพิ่มเติมกับคนรับซื้อด้วย เพื่อตรวจสอบว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้าง และเพื่อพิจารณาว่าจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่วนจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้นขอรอความชัดเจนในการขยายผลก่อน

ด้านนายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผอ.ส่วนของกลาง กองสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร เผยว่า ก่อนหน้านี้กรมศุลกากรยังไม่เคยพบเหตุการณ์ลักขโมยของกลาง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เชื่อว่าคนร้ายใช้วิธีการสุ่มเปิดตู้คอนเทนเนอร์ไปเรื่อยๆ เพราะตัดกุญแจไปแล้วถึง 5 ตู้

พอไปพบตู้เก็บบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นเป้าหมายจึงลักขโมยไป แต่ขนไปได้แค่ 3 หีบห่อ แล้วมี รปภ.มาสังเกตเห็นจึงหลบหนีไป ส่วนตู้ที่เปิดก่อนหน้านี้ที่เป็นสินค้าอื่นและตู้เก็บเอกสาร คนร้ายไม่ได้เอาของกลางไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่โกดังสเตเดียมมีการเก็บตู้คอนเทนเนอร์ของกลางทั้งหมด 55 ตู้ ในจำนวนนี้มี 5 ตู้ ใช้เก็บบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้ติดป้ายหรือทำสัญลักษณ์ไว้ว่าของกลางในตู้คืออะไร โดยกลุ่มคนร้ายเปิดเจอบุหรี่ไฟฟ้าเพียง 1 ตู้ จะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในการชี้เป้าหรือไม่ ก็เป็นประเด็นที่ทางตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป

จากนี้การดูแลของกลางคงต้องปรับปรุงให้รัดกุมขึ้นกว่านี้ แต่คดีนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า นโยบายปราบบุหรี่ไฟฟ้าของรัฐบาลทำกันอย่างจริงจัง หาใช่เพียงแค่สร้างภาพ

จุดเกิดเหตุคนร้ายบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าขับรถตู้พุ่งชนรปภ.ดับสลด

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022