เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

พระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา วัตถุมงคลเก่าแก่ของวัดลิงขบ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เสก

15.06.2025

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ

[email protected]

“พระกลีบบัว” วัดบวรมงคล หรือวัดลิงขบ เป็นพระเนื้อดินเผา ตั้งชื่อตามพิมพ์ทรงที่คล้าย “กลีบบัว” ขนาดกว้าง 1.9 เซนติเมตร สูง 2.9 เซนติเมตร

สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ประมาณปี พ.ศ.2410 เมื่อพระรามัญมุนี (ยิ้ม) เจ้าอาวาสวัดบวรมงคล รูปที่ 3 มรณภาพลง

พระสุเมธาจารย์ (ศรี) ได้มารักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาส ได้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดเป็นการใหญ่ และได้สร้างเจดีย์ขึ้นองค์หนึ่ง เพื่อไว้เป็นอนุสรณ์

สร้างพระพิมพ์กลีบบัว เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น ร่วมปลุกเสกหลายรูป ซึ่งหนึ่งในนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ร่วมปลุกเสกด้วย

มีพุทธลักษณะองค์พระประธานประทับนั่งแสดงปางสมาธิ มีโพธิบัลลังก์ล้อมรอบ รายละเอียดเส้นสายต่างๆ คมชัดเจน มีทั้งเป็นพระเนื้อดินเผาธรรมดาซึ่งมีจำนวนมาก

ครั้นเมื่อสร้างเจดีย์เสร็จ ได้นำเอาพระพุทธรูปพระเครื่องและสิ่งของมีค่าต่างๆ บรรจุไว้ในองค์เจดีย์ รวมทั้งได้สร้างพระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา บรรจุไว้ด้วย เพื่อเป็นการสืบพระศาสนาด้วย

ต่อมา เจดีย์องค์หนึ่งแบบทรงลังกา ซึ่งอยู่มุมเขตด้านเหนือ เกิดการชำรุด และมีพระพิมพ์กลีบบัวไหลออกมาตามแนวอิฐที่ผุกร่อน เด็กๆ ในแถบนั้นเก็บเอามาให้พ่อแม่ดู และเกิดมีการซื้อ-ขายกันขึ้น ในที่สุดก็มีคนแอบเข้าไปขุดพระที่องค์เจดีย์

กระทั่งทางวัดรู้ข่าว โดยพระญาณเวที ผู้ช่วยเจ้าอาวาส จึงให้พระในวัดไปสำรวจและห้ามปราม แต่ก็มีคนไปแอบขุดหาพระกันอีก

พระสุมงคลมุนี เจ้าอาวาสในขณะนั้น จึงได้ติดต่อไปยังกรมการศาสนาและกรมศิลปากร ด้วยเกรงว่าหากปล่อยไว้อย่างนี้ คงมีคนมาแอบขุดจนองค์พระเจดีย์พังอย่างแน่นอน

พระกลีบบัว วัดลิงขบ

ดังนั้น วัดบวรมงคล จึงได้เปิดกรุอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2509 โดยมีทหารเรือจากเรือรบหลวงจันทบุรี เข้ามาช่วยในการเปิดกรุ จัดเวรยามเฝ้าการขุด ได้ขุดตรงส่วนคอระฆัง พบพระบรมธาตุพระพุทธรูปพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ทั้งชนิดเนื้อชิน และเนื้อดิน

นอกจากนี้ ยังพบพระเนื้อผงแบบพระสมเด็จ และพระกลีบบัวที่เป็นเนื้อผงจำนวนเล็กน้อย (ไม่ระบุจำนวน) กับเครื่องรางและของมีค่าอีกจำนวนหนึ่ง และส่วนฐานได้พบพระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา บรรจุอยู่ในกระถางมังกร 4 ใบ ในส่วนของพระกลีบบัวเนื้อดินเผา มีจำนวนมากที่สุดกว่าพระพิมพ์อื่นๆ นับได้ประมาณ 70,000 กว่าองค์

วัดและคณะกรรมการ เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาเช่าในราคาองค์ละ 30 บาท เพื่อนำเงินไปบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ที่ชำรุด

พระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดิน มีทั้งแบบดินละเอียดและเนื้อหยาบ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแร่ทรายเงินทรายทองปะปนอยู่เกือบทุกองค์ ผิวของพระบางองค์จะมีคราบรารักจับอยู่มากบ้างน้อยบ้าง

ด้านหลังจะเป็นหลังเรียบและหลังเว้า มีรอยกดพิมพ์เป็นลายมือติดอยู่ด้านใต้องค์พระ จะมีรูรอยไม้เสียบยกพระออกจากแม่พิมพ์ทุกองค์ มีพบบางองค์ที่ลงรักน้ำเกลี้ยง และลงชาดมาแต่ในกรุ เข้าใจว่าพระเหล่านี้น่าจะเป็นพระคะแนน แต่ก็มีจำนวนน้อย พระบางองค์ที่ติดแม่พิมพ์ดีมีหน้ามีตาสวยงาม สนนราคาจะสูงตามไปด้วย

พระกรุนี้ เมื่อมีผู้นำไปห้อยคอ เกิดมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยไม่น้อย ชาวบ้านในแถบนั้นต่างรู้กันดี

วัดบวรมงคลหรือวัดลิงขบ

กล่าวสำหรับวัดบวรมงคลราชวรวิหาร เป็นวัดโบราณ มีหลักฐานว่าสร้างมาแต่ครั้งสมัยอยุธยา ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ถึง 10 ปี คือ ในปีพุทธศักราช 2300

เดิมชื่อ “วัดลิงขบ” มีผู้ตั้งสมมุติฐานว่า ชื่อนี้เพื้ยนมาจากคำว่า “เลิงขอบ” ในภาษามอญ แปลว่า บริเวณที่เป็นที่ลุ่มซึ่งตั้งอยู่ที่ริมหรือขอบของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวรามัญที่ได้อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งแต่ครั้งสงคราม ระหว่างมอญกับพม่า ดังปรากฏในเรื่องราชาธิราช

ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงเมื่อปีพุทธศักราช 2352 ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์ พระอนุชาธิราชได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดบวรมงคลราชวรวิหาร” ในคราวที่พระองค์ได้มหาอุปราชาภิเษก เป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล โดยทรงสถาปนาวัดบวรมงคลราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง

เนื่องจากวัดบวรมงคลนี้ มีบริเวณกว้างขวาง เคยมีพระสงฆ์รามัญจำพรรษาอยู่มาก มีประมุขสงฆ์เป็นชาวรามัญ คือ พระไตรสรณธัช

สมเด็จพระบวรราชามหาเสนานุรักษ์ จึงได้ทรงพิจารณาให้บูรณะขึ้นเป็นวัดส่วนกลางสำหรับพระสงฆ์รามัญนิกาย เพื่อความสะดวกในการปกครองคณะสงฆ์และบำรุงขวัญชาวรามัญที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้วัดแห่งนี้อีกประการหนึ่ง

มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึง 29 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา ตั้งอยู่ตรงริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ระหว่างสะพานพระราม 8 กับสะพานกรุงธนบุรี ตรงหน้ากับปากคลองผดุงกรุงเกษม ตั้งอยู่ในแขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

ครั้นปีพุทธศักราช 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้โอนมาสังกัดคณะธรรมยุต



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด