

คอลัมน์ นัยความเป็นคน ของ “นิ้วกลม”
และคอลัมน์ ปรัญชญา-คำ-‘นึง ของ “พิพัฒน์ สุยะ”
นำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกัน
“นิ้วกลม” ว่าด้วย “มนุษย์รักพวกพ้อง (รักชาติ)”
ส่วน “พิพัฒน์ สุยะ” ว่าด้วย ชาตินิยม : ปัญหาและทางออก จากมุมมองของเบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
นิ้วกลม เล่าถึง โจนาธาน ไฮด์ต นักจิตวิทยาสังคมชื่อดัง
ที่มองว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งวิวัฒนาการตามธรรมชาติและวิวัฒนาการทางสังคม (วัฒนธรรมที่สร้างขึ้น) เพื่อแสดงความเป็นกลุ่มเดียวกัน มาเนิ่นนานแล้ว
ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มาจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างง่ายๆ ใกล้ตัว เช่น รอยสัก การเจาะใบหน้า ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
หรือทุกวันนี้แฟนบอลต่างๆ ก็ยังเพนต์หน้าเพื่อไปเชียร์ทีมรัก
หรือถ้าเกิดกระแสขึ้นมาในบางช่วง
เราก็ได้เห็นคนติดสติ๊กเกอร์ธงชาติลงบนรถหรือติดธงหน้าบ้าน
มนุษย์ประดิษฐ์เครื่องหมายเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเร้าความรู้สึก “พวกเรา”
และแสวงหาคนที่จะร่วมมือกัน
คาดหวังให้คนอื่นให้คุณค่ากับสิ่งเดียวกับเรา
ถึงที่สุดแล้วมนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ “ทำให้ตัวเองเชื่องลง”
เราวิวัฒนาการไปสู่การเป็นคนที่ก้าวร้าวน้อยลง
จากบรรพบุรุษของเราที่เคยป่าเถื่อนกว่านี้
แต่มนุษย์ก็มีวิวัฒนการหรือถูกหล่อหลอมมาโดยธรรมชาติ ให้ “เห็นแก่กลุ่ม”
ซึ่งนั่นเป็นเรื่อง “บวก” และควรจะบวก บวก บวก ยิ่งขึ้น
บวก อย่างที่ “นิ้วกลม” อยากจะเห็น
นั่นคือ เมื่อเราประกาศตนเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จำเป็นไหมที่จะต้องเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มอื่น
แล้วขับเน้นความต่างมากกว่าความเหมือน นำไปสู่ความเกลียดชังและความรุนแรง
ซึ่งมนุษย์ผ่านเรื่องเหล่านี้มาจนได้บทเรียนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้งระดับประเทศและระดับโลก
เราจะซ้ำรอยความเกลียดชังและความรุนแรงนั้นหรือไม่
โดยในยามที่เรากั้นรั้วความเป็นสมาชิกกลุ่มว่า “ฉันเป็นคนชาตินี้” กับขยายรั้วออกไปว่า “ฉันเป็นเพื่อนมนุษย์” ชุดศีลธรรมที่ยึดถือจะแตกต่างออกไปอย่างไรบ้าง? ความรัก-ความเกลียดชังเปลี่ยนไปไหม?
นี่คือคำถามที่ “นิ้วกลม” อยากจะชี้ชวนคนไทยให้คิด
ด้าน “พิพัฒน์ สุยะ” นำเสนอมุมมองของนักปรัชญาชาวอังกฤษ เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
ที่เตือนให้ระมัดระวัง ถึงมุมด้านลบของชาตินิยม
ที่อาจเป็นภัยอย่างใหญ่หลวงและเป็นบ่อกำเนิดความอันตรายที่น่าสะพรึงกลัว
หากเราต้องการหลีกเลี่ยงหายนะดังกล่าว
เราต้องพัฒนาแนวคิด “อยู่ร่วมกันระหว่างประเทศ” (internationalism) ไม่ว่าจะเป็นในแง่เศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้กระทั่งสงคราม
รัสเซลล์เสนอว่า “ข้อจำกัดของชาตินิยมควรมีลักษณะเช่นเดียวกับข้อจำกัดของเสรีภาพของปัจเจกบุคคล”
เพราะเราทุกคนรู้ดีว่าเสรีภาพมีความสำคัญอย่างยิ่ง
แต่เราทุกคนก็ต้องมีข้อจำกัดในเสรีภาพของเราแต่ละคน
ไม่ใช่ว่าเราอยากทำอะไรก็ได้ไปเสียทั้งหมด
ชาตินิยมก็เช่นเดียวกัน มันเป็นแนวคิดที่สำคัญต่อชุมชนหรือประเทศ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ้างชาตินิยมแล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่างย่อมเป็นไปไม่ได้
“พิพัฒน์ สุยะ” บอกว่า ข้อเสนอของรัสเซลล์น่าสนใจ
และอาจเป็นทางออกสำหรับพี่น้องที่รักชาติ
ให้หันมาพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของชาตินิยมกันให้มาก
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
สายเกินไป อย่างกรณี รัสเซีย-ยูเครน
สายเกินไป อย่างกรณี อิสราเอล-อิหร่าน
ที่หลั่งเลือด และกระทำรุนแรงต่อกันไปแล้ว
จึงหวังอีกครั้ง และอีกครั้ง
ไทย-กัมพูชา คงไม่ตกอยู่ในภาวะ สายเกินไป?!?