bg-single

Songs in The Key of Life : I Will Survive ‘ต้องรอด’

02.07.2025

บทความพิเศษ | ภาสกร ประมูลวงศ์

Songs in The Key of Life

: I Will Survive ‘ต้องรอด’

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่า ครั้งหนึ่งเคยมีนักศึกษาฝรั่งนำเพลงนี้ไปทำเป็นงานวิจัยแถมเขียนดีเสียด้วย ในนั้นพยายามอธิบายว่า ทำไมมันเป็นเพลงมาร์ชเฉพาะตัวในชุมชน LGBTQ ระดับนานาชาติ?

ทั้งๆ ที่ทั้งคนแต่งเองหรือคนร้องก็หาได้เป็นเพศทางเลือกไม่

แถมเพลงนี้เปิดตัวด้วยกลิ่นดิสโก้หึ่งดิ้นกันสนั่นหวั่นไหว

หรือมันมีอะไรที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่?

I Will Survive เปิดตัวในปี 1978 คำร้องเขียนโดยเจ้าพ่อเพลงดิสโก้ป๋าเฟรดดี้ เพอร์เรน (Freddie Perren) ขับขานโดยคุณแม่กลอเรีย เกย์เนอร์ (Gloria Gaynor) ถูกแฟนเพลงโทร.มาขอร้องให้เปิดทางวิทยุอย่างรุนแรงและถี่ยิบชนิดข้ามปี ถึงขนาดช่อง VH1 ยกย่องสรรเสริญเทิดทูนให้เป็นเพลงฮิตอันดับหนึ่งตลอดกาลในชาร์ต “เพลงเต้นรำที่ดีที่สุดในโลก”

แต่ที่เด็ดกว่าคือ นิตยสาร Time Out บูชาให้เพลงนี้เป็นหนึ่งไม่มีสองในลิสต์ Best Gay Songs to Celebrate Pride All Year Long

ฟังเผินๆ มันก็เป็นเพลงสนุกๆ กรูฟแรงๆ เนื้อหาก็ราวๆ หนุ่มจีบสาวรักเป็นพิษคิดแล้วกลุ้ม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

แต่เมื่อคนชายขอบสังคมนำเพลงนี้มาตีความใหม่ ความน่าสนใจก็บังเกิดขึ้น

ตอนเธอทิ้ง ฉันไป คล้ายดั่งหิน ยืนแน่นิ่ง สิ้นใส่ใจ ใดทั้งผอง

ไม่เอาแล้ว ไม่รักใคร ให้ตรมตรอม แต่มาลอง คิดอีกที ดีเหมือนกัน (ว่ะ)

เธอกลับมา ก็ช่างมึง ถึงวันนี้ เป็นวันที่ หัวใจ ได้แข็งขัน

แลกหมัดสู้ กู้กลับร่าง ช่างหัวมัน ไม่ต้องหวั่น ฉันอยู่ได้ สบายดี

เคยตรอมใจ นอนร้องไห้ หลายหนอยู่ เคยอดสู ดั่งไร้ค่า น่าบัดสี

สุดระทม ขืนท้อใจ ไม่เห็นดี ไปปาร์ตี้ ดีกว่า หาเหล้ากิน

เป็นคนใหม่ อย่างที่เห็น และเป็นอยู่ เชิญมาดู เผื่อเสียใจ ให้ถวิล

ผ่านไปแล้ว ให้ผ่านไป ใจมันชิน ฉีดวัคซีน แค่อกหัก ไม่ยักตาย

อันดับแรก ในยุคทศวรรษที่ 70’s ปลายๆ ต่อ 80’s โลกได้ต้อนรับด้วยความไม่เต็มใจกับโรคเอดส์ ซึ่งแพร่ระบาดในกลุ่มผู้นิยมใช้ยาเสพติดกับกลุ่มเกย์รักร่วมเพศ

ความร้ายกาจของมันคือใครเผลอติดเข้าไปก็ตายสถานเดียว

ดังนั้น เมื่อเพลงนี้พูดถึงคำว่า I Will Survive จึงเสมือนประหนึ่งต้องการที่จะบอกว่า “ฉันต้องอยู่รอดต่อไป…ให้ได้” ซึ่งซ้อนความหมายเข้าไปอีกสองชั้น

ขั้นแรก (เหมือนจะบอกว่า) ถ้าใครติดเอดส์-จงอย่าท้อใจ ลองหายใจลึกๆ แล้วสู้กับมัน

ขั้นสอง ฉัน (ในฐานะกลุ่มเสี่ยง) ต้องอยู่ให้ได้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจ

ซึ่งย้อนกลับไปในโลกยุค 80’s ที่ผู้คนเริ่มอ้าแขนให้กับความแตกต่างในรสนิยมทางเพศ กลุ่มคนที่เคยถูกมองเป็นตัวประหลาดเหล่านี้ใช้ดนตรีเป็นเครื่องขับกล่อมปลอบประโลมใจ มันหมายถึงเสรีภาพ อิสรภาพ รวมถึงความสุขใจที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะหามาไว้ครอบครอง

จนเมื่อเพลงถูกเปิดด้วยความร้อนแรงระดับผีจับยัด เท่านี้มันก็กลายเป็นเพลงชาติของเกย์ไปแบบกลายๆ แบบแคบๆ

ขอย้ำก่อนว่าในแบบแคบๆ

เพราะแรกเริ่มเดิมที เพลงนี้ไม่ได้ถูกคาดหวังใดๆ ทั้งสิ้นแถมนักร้องนำก็เป็นใครมาจากไหนหาใครรู้ไม่

เฟรดดี้เขียนเพลงนี้เหมือนรอคอยใครสักคนมาถ่ายทอด

จนที่สุดแล้วค่ายเพลง (Polydor Records) ก็ปล่อยกลอเรีย เกย์เนอร์ ลงน้ำ

ตอนนั้นไม่มีใครคาดหวังว่ามันจะโด่งดังเป็นพลุแตกดูได้จากการวางเพลง I Will Survive เป็นซิงเกิลในหน้า B ด้วยซ้ำไป (โดยมี Substitute วางงามหราในหน้า A)

ทว่า ท่วงทำนองต่างหากที่มาแบบถูกที่ถูกเวลา

เนื้อร้องกล่าวถึงชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกระทำ ถูกหลอกลวง แต่แทนที่จะงอมืองอเท้าเหงาหงอยไปวันๆ เธอสู้กลับยิบตา

เช่นนี้เอง ในเบื้องต้นมันเลยเป็นเพลงของผู้หญิงที่ถูกทำร้ายและโด่งดังในหมู่แม่บ้านสมองไวผู้มี “พลังหญิงในมือ”

ปีต่อมาเกย์เนอร์รับรางวัลแกรมมี่โดยเพลงขึ้นอันดับหนึ่งทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกา นิตยสาร Rolling Stone ยกย่องให้เป็นสุดยอดเพลงดิสโก้ร่วมสมัยแห่งทศวรรษ

แถมท้ายด้วยสภาคองเกรสอเมริกามอบรางวัลสาขา “วัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ที่เสกโดยศิลปินระดับน่าจดจำ (Culturally, Historically Artist Significant)”

เมื่อเพลงเปรี้ยงปร้างขนาดนี้ ต่อมาก็ถึงคราวนาทีเดินทางข้ามพรมแดน

“ความดีงามคือข้อความของเพลงที่มันไม่ได้จำเพาะเจาะจงอะไรเป็นพิเศษ” นาดีน ฮับบ์ส (Nadine Hubbs) นักประวัติศาสตร์ด้านดนตรีกล่าว

“การพูดอ้อมๆ ทว่าตรงไปตรงมาต่างหากคือแก่นสารสาระสำคัญ ซึ่งถ้าเรามองสถานการณ์โรคเอดส์ระยะเริ่มแรก ความหวาดกลัวและเกลียดชังพวกรักร่วมเพศ การต้องการปลดปล่อยตัวเองไปสู่จุดแห่งการยอมรับ จนในที่สุดเบื้องหลังของการต่อสู้ มันคือการประกาศตัวอย่างหนึ่ง” เธอกล่าวเสียงอ่อย

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการปลดแอกของ LGBTQ หากแต่ก่อนหน้านั้นเล่า?

ขวบปีก่อนหน้า I Will Survive เกย์เนอร์นั่งลงในมุมมืดจมอยู่กับกองทุกข์

แม่ของเธอเสียชีวิต ต้นสังกัดกำลังพิจารณายกเลิกสัญญาเพราะเธอไม่มีเพลงฮิตมาประเคน (เกย์เนอร์เคยคัฟเวอร์ Never Can Say Goodbye ของ Jackson 5 หลังจากนั้นก็เงียบสนิท)

เธอกลายเป็นซากผุพัง ทหารแก่ที่รอคอยการปลดระวาง

แล้วคืนหนึ่งก็มาถึง คืนนั้นเธอมีงานที่ New York’s Beacon Theatre แล้วเกิดลื่นล้มระหว่างเปิดการแสดง เธอกัดฟันทำงานให้จบแล้วดิ่งกลับบ้าน

“ตื่นมาตอนเช้า ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยตั้งแต่เอวลงมา มันเหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราว แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า มันก็ต้องเป็น” เกย์เนอร์เงยหน้ามองเพดานรำลึกความทรงจำ

เหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังเคลื่อน โดยนักร้องสาวต้องอยู่โรงพยาบาลนานถึงสามเดือน ต่อด้วยการบำบัดที่บ้านอีกนับเดือน

แต่ก็นั่นแหละ หลังพายุถล่มท้องฟ้ามักจะสวยงามเสมอ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน Polydor Records ถึงคราวเปลี่ยนผู้บริหาร โชคเริ่มเข้าข้างเมื่อประธานคนใหม่เป็นแฟนเพลงของเธอ เขามั่นใจว่าเพชรยังไงก็เป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ

อาวุธเด็ดในมือคือเพลงที่มีชื่อว่า Substitute

“ฉันอ่านเนื้อร้อง มั่นใจเลยว่ามันจะเป็นเพลงที่ดีมากๆ แต่ที่ดีกว่ากลับเป็นสิ่งที่อยู่ในด้าน B พระเจ้าประทานสิ่งนี้มาให้ฉัน มันมีชื่อว่า I Will Survive” เกย์เนอร์เล่า

สอดคล้องกับปากคำของเจมส์ แกตสัน (James Gadson) มือกลองผู้เคยร่วมหอลงโรงกับตำนานอย่างมาร์วิน เกย์ หรือบิล วิทเธอร์ส “เราใช้เวลาไปมากกับ Substitute จนทุกอย่างเสร็จ ก่อนที่ทุกคนจะกลับบ้าน เฟรดดี้เดินเข้ามาในห้องอัดขอร้องให้เราอยู่กันต่ออีกหน่อย อัดอีกสักเพลงให้จบ สามอาทิตย์ต่อมา I Will Survive ดันดังกว่าเพลงโปรโมต”

เขาหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

เรื่องเริ่มจากเกย์เนอร์เอาแผ่นทดลองให้ดีเจที่คลับ Studio 54 (แห่งหนที่สิงสถิตของเทพเจ้าดิสโก้) เมื่อเพลงถูกเปิดกรุงนิวยอร์กก็อ้าแขนรับทันที

“คนนิวยอร์กจุกจิกช่างเลือกช่างติ ไม่ชอบอะไรง่ายๆ พอพวกเขารักมัน ฉันก็เลยมั่นใจว่าถึงตอนนั้นใครๆ ก็ต้องรักมันเหมือนกันแหละวะ” เกย์เนอร์กล่าวกับ WXPN สถานีวิทยุที่โคตรดังรสนิยมทางดนตรีอยู่ในระดับวิไลวรรณ

“ฉันได้ยินครั้งแรกเหมือนได้หูใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกข้าง” คาเรน ทอนสัน (Karen Tongson) อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Pop Culture ประจำมหาวิทยาลัยเซาธ์แคลิฟอเนียร์กล่าว

“มันมหัศจรรย์เหมือนการประกาศศักดาให้โลกรับรู้ถึงภราดรภาพของกลุ่ม LGBTQ เป็นการปลุกระดมทางความคิด ให้ยอมรับการมีอยู่จริงของความแตกต่าง”

ผมพยายามจะไม่พูดถึง The Adventures of Priscilla, Queen of The Desert ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากออสเตรเลียที่นำเพลงนี้ไปประกอบ รวมถึงการคัฟเวอร์หรือการแซมป์จากศิลปินมากมายก่ายกอง

สิ่งที่ผมอยากชวนคิดก็คือ การที่เพลงเพลงหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงรากฐานทางสังคมได้ทั่วโลก ผมถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีอย่างหนึ่ง

ผมมั่นใจว่า Key Message และ Punch Line ของเพลงเพลงนี้คือคำว่า SURVIVE เพราะมันหมายถึงการมีชีวิต (ในอีกแง่มุมของคำศัพท์เพราะคำว่า GAY ก็มีรากมาจากคำว่า “สดใสร่าเริง”) เมื่อเอามาประกอบกับพื้นฐานความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม มันจึงตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวชะมัดยาด

มากกว่านั้น มันคือการส่งพลังงานทางบวกจากชีวิตทางลบผ่านเสียงเพลงที่ดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวาประมาณสุขกันเถอะเรา หรืออกหักไม่ยักกะตาย

คุณแม่เกย์เนอร์พบรักและแต่งงานในปี 1979 ปีเงินปีทองของเธอ ต่อมาชีวิตคู่เริ่มลุ่มๆ ดอนๆ ยักแย่ยักยันจนถึงปี 2005 เธอถึงได้หย่าขาดหมดเรื่องหมดราว

“ทุกครั้งที่หมดเรี่ยวแรงมือเท้าอ่อน ก็ได้เพลงนี้แหละค่ะปลุกใจให้สู้กับชีวิตอีกสักรอบสองรอบ” เธอกล่าวไว้กับนิตยสาร People

ครับ I will survive และเราก็ต้อง will survive กันต่อไป

https://twitter.com/matichonweekly/status/1552197630306177024


เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

ดาวกับดวง โดย พิมพ์พรร วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568
‘สีกากอล์ฟ’ กับ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’
แพทองธาร พร้อมผลักดันสื่อสารภาพลักษณ์พุทธศาสนาให้ทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ลอย ชูโมเดล การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยุทธวิธีของ ปธน. Javier Milei ที่ไทยควรเรียนรู้
ICSI
ICSI คืออะไร สามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ไหม?
เจ้าอาวาสกับอำนาจเหนือพื้นที่วัด : โครงสร้างที่ต้องสังคายนาใหม่ (1)
วัคซีนเรืองแสงสุดโรแมนติก แพร่ผ่านการกุ๊กกิ๊กกันและกัน
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (13) เมื่อสำนักพระราชวังตักเตือน “เจ้าชาย-เจ้าหญิง” ให้แต่งกายตามรัฐนิยม
ดาวกับดวงวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2568
พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’