bg-single

นี่แหละผู้นำปฏิวัติการเลี้ยงไก่ตัวจริง!

18.07.2018

จากบทความของคุณ วิรัตน์ แสงทองคำ : ซีพี เมืองเกษตร (1) เผยแพร่ในออนไลน์ครั้งแรก 7 มี.ค. 2561

ไอเดียล่าสุด ผู้นำซีพีเชื่อว่ามีพลังสั่นสะเทือนเกษตรกรรมไทยไม่น้อย

“ผมกำลังศึกษาโมเดลธุรกิจที่จะสร้างเมืองขนาดใหญ่ ประชากร 3-4 แสนคนมาอยู่รวมกัน โดยคนที่อยู่ในเมืองนี้สามารถทำธุรกิจเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งปลูกพืชเกษตร ทำปศุสัตว์ …โมเดลใหม่จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ สมมุติที่ดินรวมกันได้ 1,000 ไร่ เคยปลูกพืชขายผลผลิตได้ 1,000 บาท ไม่ต้องมาปลูกเอง ผมรับจ้างปลูกให้โดยการันตีว่าได้เงิน 1,200 บาท ถ้าผลผลิตเสียหาย ผมรับผิดชอบ และให้รัฐบาลการันตีว่า ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นของคุณ”

ธนินท์ เจียรวนนท์ ปรากฏตัว (ในฐานะประธานมอบที่ดินให้ข้าราชการตำรวจ ที่เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เมื่อ 4 มกราคม 2561) และพร้อมไอเดียล่าสุด (อ้างจากประชาธุรกิจออนไลน์ เมื่อ 7 มกราคม 2561) กับสื่อ

ในอีกตอนที่สำคัญเขาเน้นให้เห็นภาพ ว่าเกษตรกรไทยมีปัญหา มีข้อจำกัดที่สำคัญมากๆ คือ

หนึ่ง-เงินทุน

สอง-ความรู้ และเทคโนโลยี

และ สาม-ตลาด ซึ่งซีพีมีความพร้อมทุกอย่าง และพร้อมที่จะเข้ามารับผิดชอบ

ธนินท์ เจียรวนนท์ กับตำแหน่งใหม่–ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในช่วงเวลาใหม่ ผลักดันให้บุตรทั้งสามขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารเครือข่ายธุรกิจใหญ่อย่างเป็นทางการ

ช่วงเวลาซึ่งซีพีมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เท่าที่ปรากฏ (ใน www.cpgroupglobal.com) ที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะการควบรวมกลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหารให้ดูกระชับ

ดูประหนึ่งมีความสำคัญลดลง ขณะที่เพิ่มและขยายบทบาทธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิตอล อุตสาหกรรมและการเงิน

ธนินท์ เจียรวนนท์ กับการปรากฏตัว พร้อมไอเดียที่น่าสนใจครั้งล่าสุด ยังคงแสดงถึงบทบาทผู้นำเครือข่ายธุรกิจใหญ่ของไทย เป็นผู้นำทางความคิดและแนวทางธุรกิจ คงแอ๊กทีฟอยู่เสมอ ทำให้เชื่อว่าความสำคัญธุรกิจดั้งเดิมคงมีอย่างมั่นคง ทั้งมีความพยายามขยายจินตนาการ มิติและโอกาสใหม่ๆ ให้มากขึ้นๆ

 

ซีพีเริ่มวางรากฐานและเติบโต สร้างอาณาจักรธุรกิจ จากโอกาสเปิดกว้างยุคสงครามเวียดนาม แรงผลักดันสำคัญเพื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอ้างอิงอาศัยพลังหลักจากภาคเอกชน ท่ามกลางบทบาทอันแข็งขันของรัฐไทย กับแผนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานครั้งใหญ่ ทั้งเครือข่ายคมนาคมและขนส่ง ตามแผนยุทธศาสตร์เชื่อมโยงเมืองหลวง กับหัวเมืองและชนบท

โอกาสซีพีเปิดกว้างมากขึ้นๆ อันเนื่องมาจากการเติบโตของระบบเศรษฐกิจเกษตรกรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพลังผู้บริโภคฐานกว้าง

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหารของซีพี “ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ การเพาะพันธุ์สัตว์ การแปรรูปเนื้อสัตว์ และการผลิตอาหารพร้อมรับประทาน พร้อมกับการลงทุนในอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก” (อ้างจาก www.cpgroupglobal.com เช่นกัน)

นอกจากเครือข่ายธุรกิจใหญ่ที่สุด อย่างบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ แล้วยังมีเครือข่ายธุรกิจข้างเคียงอีกมากมาย

รวมทั้งกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร ธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ มานาน ซึ่งเคยนำเสนอไว้บ้าง (ซีพี-ทีซีซี : รากฐานในสังคมไทย (3) มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 ตุลาคม 2559) ว่าซีพีมีจังหวะก้าวสำคัญเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวข้องกับพืชเศรษฐกิจหลักของไทย

นั่นคือพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดตั้งแต่ปี 2522 ในยุคเดียวกับเครือข่ายธุรกิจพันธุ์ข้าวโพดระดับโลกเข้ามายึดตลาดไทย และแล้วเว้นช่วงไว้นานทีเดียว ก่อนมาอีกช่วงหนึ่งที่สำคัญ เปิดฉากด้วยการดำเนินงานวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ข้าวลูกผสม ในช่วงคาบเกี่ยววิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจราวๆ ปี 2543 ถือเป็นช่วงเดียวกับการปรากฏบทสนทนาของ ธนินท์ เจียรวนนท์ เกี่ยวกับเรื่องข้าวโดยตรง

“เรื่องข้าว ขณะนี้เพียงอยู่ในขั้นตอนของการทดลองและขายความคิด ยังจำเป็นต้องใช้เวลาและพลังงานอีกมาก ว่าไปแล้วเวลานั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ผมเชื่อว่าการเข้าสู่วิวัฒนาการเรื่องข้าวเป็นเรื่องใหญ่และยาก ซีพีจะเข้าก็ต่อเมื่อใหญ่พอ มีแรง และทรงอิทธิพลมากพอในสังคมไทย ซึ่งว่าไปแล้วก็ใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว” ผมเคยนำเสนอความคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้เมื่อปี 2545

จากนั้นไม่นานปรากฏการณ์การเข้าสู่ธุรกิจพืชเศรษฐกิจหลักสำคัญๆ อย่างเป็นจังหวะ อย่างครึกโครม โดยเฉพาะธุรกิจยางพารา จากเป็นผู้ผลิตต้นกล้ายางพารา เชื่อมโยงกับโครงการส่งเสริมปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ ใน 36 จังหวัดภาคเหนือ-อีสานในช่วงปี 2547-2549

ช่วงเดียวกันนั้น ซีพีเข้าสู่ธุรกิจปาล์มน้ำมัน (ในปี 2548) พร้อมๆ กับ “ดำเนินธุรกิจด้านพืชสวนครบวงจร โดยในระยะเริ่มต้นได้ทำการผลิตกิ่งพันธุ์ส้มปลอดโรค (ส้มเขียวหวาน, ส้มโชกุน, ส้มฟรีมองต์ และส้มโอ) การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) กล้วยไม้, ดอกหน้าวัว และฟาแลนนอฟซิส”

นั่นคือพัฒนาการซีพี เชื่อกันว่ามาจากมุมมอง ปรัชญา ผู้นำธุรกิจซึ่งมีความเข้าใจ มียุทธศาสตร์สัมพันธ์กับวิวัฒนาการสังคมไทย

 

จากยุคบุกเบิก ซีพีได้ชื่อว่าเป็นผู้นำปฏิวัติการเลี้ยงไก่ในระดับภูมิภาค โดยใช้เทคโนโลยีจากตะวันตก ว่าด้วยการพัฒนาพันธุ์ไก่มาประยุกต์เข้ากับการจัดการ ยกระดับจากการเลี้ยงตามธรรมชาติดั้งเดิม ไปสู่ระบบฟาร์มสมัยใหม่ โดยควบคุมและจัดการให้เป็นระบบที่คาดหมายได้ในเชิงอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก เพื่อเข้าแทรก แทนที่ธุรกิจค้าปลีกแบบเดิมซึ่งล้าหลังมากๆ

ซีพีอาศัยเทคโนโลยีหรือโนว์ฮาวการค้าปลีกโลกตะวันตกอีกเช่นกัน เพื่อให้มีพลังเชิงควบคุมสภาวะตลาด

ใช้กลยุทธ์ธุรกิจเข้าลงทุนธุรกิจนี้กับเจ้าของเทคโนโลยีหลายรายและหลายระดับ

เริ่มตั้งแต่การค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยเฉพาะค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งเข้าปะทะกับระบบการค้าแบบเดิมที่เรียกว่า “โชห่วย” เพื่อเข้าสู่กระแสวิวัฒนาการค้าปลีกสังคมไทย

มุมมองล่าสุดของ ธนินท์ เจียรวนนท์ มิใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว หากเป็นพัฒนาการทางความคิด และโมเดลธุรกิจ ซึ่งให้ภาพชัดเจน ที่เป็นไปได้มากขึ้น

ภาพนั้นเชื่อมโยงกับแนวคิดของเมืองสมัยใหม่ เชื่อมโยงกับพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่

ว่าไปแล้วเป็นจังหวะก้าวที่ทิ้งช่วงนานทีเดียว ว่าด้วยแผนการซีพีกับธุรกิจเกษตรกรรมพื้นฐาน เพิ่งจะเริ่มต้นอย่างจริงจังประมาณ 2 ทศวรรษมานี้เอง

จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ที่ผ่านๆ มาธุรกิจเครือข่ายซีพีมีความสัมพันธ์กับที่ดินและพื้นทื่แปลงใหญ่ค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกรณีทีซีซีของ เจริญ สิริวัฒนภักดี

ดังนั้น การเข้าสู่ธุรกิจพืชเศรษฐกิจหลัก ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงพื้นที่จำนวนมาก โอกาสของทีซีซีซึ่งประกาศเดินหน้าธุรกิจเกษตรกรรมเช่นกัน ดูเหมือนจะมีมากกว่า

แต่เมื่อมองอีกด้าน ว่าด้วยความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ในเชิงธุรกิจเกษตรซีพีได้เปรียบมากทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ทั้งซีพีและทีซีซีอยู่ในกระแสวิวัฒนาการเดียวกัน

 

ภาพนั้นเชื่อมโยงกับโมเดลคลาสสิค “เกษตรแปลงใหญ่” (Plantations) ภายใต้การบริหารจัดการโดยธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลก ซึ่งดำเนินกันมาหลายทศวรรษแล้ว โดยเฉพาะ Dole Food Company แห่งสหรัฐ ซึ่งมีอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา อย่างอเมริกากลาง-ใต้ หรือในเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ เข้ามาบุกเบิกในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อ 4-5 ทศวรรษที่แล้ว

“จะโดยบังเอิญหรือไม่ก็ตาม เชื่อมโยงกับโมเดล “เกษตรกรรมแปลงใหญ่” ในความหมายของกระทรวงเกษตรฯ ไทย ยุค รสช. กำลังได้รับการส่งเสริมอย่างเป็นจริงเป็นจัง “เป็นระบบส่งเสริมเกษตรแบบหนึ่งที่ยึดพื้นที่เป็นหลัก (Area based) ในการดำเนินการลักษณะบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้จัดการแปลงเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain)” (อ้างจากข้อมูลนำเสนอ โดย ดร.อภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2558)” ผมเคยสรุปประเด็นอย่างคร่าวๆ ไว้ (บทความที่อ้างแล้วข้างต้น-ซีพี-ทีซีซี : รากฐานในสังคมไทย (3))

เท่าที่ตรวจสอบ (จาก https://www.moac.go.th) แม้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี แต่ยังคงปรากฏนโยบาย “แปลงใหญ่” อยู่ในอันดับต้นๆ ส่วนข้อมูลที่นำเสนอไว้ ยังคงเป็นข้อมูลในช่วงรัฐมนตรีว่าการคนก่อน (ฉัตรชัย สาริกัลยะ ดำรงตำแหน่ง 19 สิงหาคม 2558 – 23 พฤศจิกายน 2560)

“ระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งปี 2559 ซึ่งเน้นให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน โดยต้องทำให้สินค้ามีคุณภาพมีตลาดรองรับ (ต้นทุนลดลง 20% ผลผลิตเพิ่ม 20%) การเชื่อมโยงนั้นเริ่มจากเกษตรกรรวมกลุ่มทำการผลิตในสินค้าชนิดเดียว มีการวางแผนร่วมกัน มีการถ่ายทอดความรู้ โดยใช้กลไก ส่งเสริมระบบน้ำ/กระจายน้ำเพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในการผลิตสินค้าเกษตร ส่งเสริมให้เกษตรทำการผลิตสินค้าปลอดภัย พัฒนาเป็นเกษตรอินทรีย์ รวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เพื่อยกระดับสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง ดำเนินการจัดตั้งเป็นธนาคารสินค้าเพื่อให้บริการสมาชิกของกลุ่ม รวมทั้งเสริมการเกษตรผสมผสานตามเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำการผลิตในพื้นที่เหมาะสม (Zoning by Agri-map) อย่างไรก็ตาม ตัวช่วยในการพัฒนาต้องสร้างเกษตรกรให้เป็น smart farmer สร้างข้าราชการที่ดูแลให้เป็น smart officer ภาครัฐจะเป็นตัวช่วย ด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ลานตาก ตลาดสินค้าเกษตร ฯลฯ ทั้งหมดจะนำไปสู่ปลายทางคือคุณภาพของเกษตรกรดีขึ้น”

นั่นคือสาระและภาพรวมของนโยบายอันแข็งขันของรัฐ เกี่ยวกับเกษตรกรรมแปลงใหญ่

ดูไปแล้ว มีบาง “ถ้อยคำ” (keyword) เป็นการโฆษณาชวนเชื่อมากไปบ้าง

เชื่อว่าแนวคิด ธนินท์ เจียรวนนท์ กับนโยบาย “แปลงใหญ่” มีทั้งความเชื่อมโยงและแตกต่าง

 

อ่าน ตอนสอง



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)
‘โฉมหน้าของศักดินาภิวัตน์ในปัจจุบัน’ (2)
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (21) ความตายจากฟากฟ้า
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 2 การเคลื่อนไหวใหญ่ ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง
มนุษย์เป็นเพียงผลลัพธ์ของเหตุบังเอิญ
ปฏิบัติการเหมันต์ทมิฬ (2) (Operation Dark Winter)
การเล่นกอล์ฟช่วยให้มีอายุยืน จริงหรือไม่?
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (132)
ตามไปดูการใช้ AI ในโรงเรียน ‘ญี่ปุ่น’