บทบาทของ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ กำลังได้รับความสนใจติดตามเป็นอย่างสูง ยิ่งเมื่อปรากฏตัวพร้อม”นางเอก”หนัง”ไทบ้านอีสาน”
ยิ่งทำให้ลีลาซึ่งเคยคุ้นชินจากการเคลื่อนไหวของ”ราษฎร”ในห้วงแห่งปี 2563 ถึงปี 2565 ดูแปลกแตกต่างไปเป็นอย่างมาก
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง นี่คือ”ตัวตน”อันแท้ของ”ครูใหญ่”
แม้จะเป็นคนชัยภูมิ แต่สถานะทางการเมืองของ”ครูใหญ่”ลงหลักปักฐานเมื่อเข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
ยิ่งได้เป็น”บัณฑิต”และเล่นบท”ติวเตอร์”ยิ่งเร้าความสนใจ
มิใช่เพราะบท”ติวเตอร์”หรอกหรือ ที่ได้กลายเป็น”กระดาน หก” ให้”ครูใหญ่”เข้าไปสัมพันธ์กับ”ดาวดิน” และขึ้นเวทีในแบบอันเป็น”พรีเซ็นเตอร์”
จากเวทีการเคลื่อนไหวขอนแก่นทะยานไปยังเวทีการเคลื่อนไหว ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน “ครูใหญ่”ก็ฮิตติดลมบน
เมื่อเข้าสู่โหมดแห่งการเลือกตั้งแรกอาจอยู่ในตำแหน่งผู้สมัครของพรรคก้าวไกล แต่ด้วยเวลาอันรวดเร็วก็พลิกกลับ
พลิกกลับเป็นทีมสัญจรหนุนช่วยในการหาเสียง
บทบาทของ”ครูใหญ่”มิได้เป็นบทบาทของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในร่มธงของพรรคก้าวไกลอย่างธรรมดา ตรงกันข้าม ดำเนินไปในลักษณะอันเป็น”ตัวแทน”
ความคิดประดิษฐ์สร้าง”ส้มงัว”เข้ามาในบรรยากาศแห่ง”ส้มรักพ่อ”นับว่ากลมกลืนยิ่ง
แท้จริงแล้ว”ครูใหญ่”คือโฆษกแห่ง”วัฒนธรรม”อีสาน
แต่ละคลิปที่นำเสนอผ่าน”ติ๊กต่อก”ต้องยอมรับว่าดำเนินไปอย่างแนบแน่นกับจิตวิญญาณอันลึกซึ้งของ”ไทอีสาน”ย้อนยุคไปไกลอย่างยิ่งในเชิง”ภาษา”
หากสามารถประสานเข้ากับความคึกคักในแบบ”ลำเพลิน”ตามท่วงทำนองของ”ผู้อาวุโสคำพอง”ที่เจือเคล้าอย่างเป็นเนื้อเดียวกับบทเพลงแห่ง”สามัญชน”นับว่างดงาม
เหมือนกังวานฮึกห้ามเหิมหาญจากบทเพลง#บุญบั้งไฟบ้านงิ้ว แห่งขอนแก่นนั่นเทียว
พื้นที่การขยายงานของพรรคก้าวไกลในอีสานยังมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกับความพยายามในการปักธงแห่งความหวังทางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ รอก็แต่เพียงความมุ่งมั่นในแบบของ”ครูใหญ่”ไปลงมือ
นี่คือสีสันที่คนอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำเป็นต้องเรียนรู้ นี่คือสีสันที่คนอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จักนำไปต่อยอดอย่างสร้างสรรค์
ในท่วงทำนองอันเป็นตัวแทนแห่ง”พื้นที่”ที่ดำรงอยู่อย่างมีความเป็น”สากล”
