5 ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บุกพาณิชย์ ขอขึ้นราคาเป็นซองละ 8 บาท ยันของไม่ขาด วอนประชาชนอย่าซื้อกักตุน ด้านกรมการค้าภายใน ยืนกระต่ายขาเดียว ยังไม่ให้ขึ้นราคา
วันที่ 16 ส.ค.65 เมื่อเวลา 09.30 น. นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเด้นท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า และนายวีระ นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว ซึ่งรับมอบหมายจากผู้ผลิตอีก 3 ราย คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ , ซื่อสัตย์ และนิชชิน เดินทางมายังกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ เพื่อให้เป็นตัวแทนในการยื่นหนังสือต่อนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ขอให้พิจารณาเร่งรัดการปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจาก 6 บาท/ซอง เป็น 8 บาท/ซอง
นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า ได้ติดตามต้นทุนวัตถุดิบการผลิตบะหมี่มาตลอด ยอมรับปัจจัยการผลิตหลายตัวมีการปรับขึ้นราคา แต่ผู้ผลิตก็ยังให้ความร่วมมือในการช่วยตรึงราคามาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการ โดยขนะนี้กรมฯ ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยกรมจะติดตามดูแลราคาสินค้าในตลาดอย่างใกล้ชิด หากพบการฉวยโอกาสปรับราคาสินค้าขายแพงเกินจริง จะถูกดำเนินคดีจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน1.4 แสนบาท
“ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป ดูต้นทุนทั้งที่เพิ่มขึ้นและลดลง ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ ต้องพิจารณา ด้วยความรอบคอบ ดูว่าความสมดุลอยู่ตรงไหน ผู้ประกอบการต้องอยู่ได้ ผู้บริโภคต้องได้รับผลกระทบไม่มากเกินไป ตามหลักการวินวินโมเดล โดยจะพิจารณาเป็นรายสินค้า ทั้งนี้ยอมรับว่าต้นทุน แป้งสาลี และพลังงานปรับเพิ่มขึ้น แต่ต้องดูว่าต้นทุนที่เพิ่มมีสาระสำคัญขนาดต้องปรับขึ้นราคาจำหน่ายหรือไม่”
นายพันธ์ กล่าวว่า ต้องการให้กรมการค้าภายในเร่งรัดปรับขึ้นราคา เราคาดหวังให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด ระหว่างนี้ผู้ประกอบการจะหันไปส่งออกมากขึ้น จากปัจจุบันที่ส่งออก 30-35 % เพราะมีกำไรมากกว่า ขณะที่การขายภายในขาดทุน ยืนยันว่าขณะนี้กำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค โดยปัจจุบันบริษัทเดินเครื่องผลิตเพียงแค่ 80 % ของกำลังการผลิตเท่านั้น คงไม่มีปัญหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขาดแคลน เพราะในช่วงปีที่น้ำท่วมใหญ่ถนนขาด มาม่ายังสามารถผลิตและขนส่งไปจำหน่ายได้ กรณีเดียวที่จะทำให้บะหมี่ขาดแคลนคือ การกักตุนสินค้าของประชาชน กรณีนี้สินค้าไม่ได้ขาดแคลนดังนั้นผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อกักตุน ให้ซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ส่วนกรณีระบุว่าผู้ประกอบการยังมีกำไรจากการส่งออก ทำให้รมกาค้าภายในยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคานั้นปัจจุบันมีกำไรจากการส่งออกไม่มากเพียง 5 % เท่านั้น ส่วนการบริโภคภายในประเทศขณะนี้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นเติบโต 3-5 %
