

จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2519 โพสต์เฟสบุ๊กเพจ Chaturon Chaisang รำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ครบรอบ 51 ปี โดยมีเนื้อหาดังนี้
14 ตุลาเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ก่อนหน้านั้นขบวนการนักศึกษาสะสมพลังและความเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับ จากการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพ ความถูกต้องชอบธรรมและผลประโยชน์ของประชาชนสู่การเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่ในที่สุดนำไปสู่การล้มรัฐบาลเผด็จการลงได้
.
เรารำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลากันในแง่นี้มานาน จนกระทั่งช่วงหลังๆซึ่งก็หลายปีมาแล้วที่มีการตั้งคำถามว่าที่พูดกันว่า 14 ตุลา เป็นเรื่องของความสำเร็จและชัยชนะ ส่วน 6 ตุลา เป็นเรื่องของความล้มเหลวและความพ่ายแพ้ นั้นจริงหรือ
.
หรือว่า 14 ตุลา กับ 6 ตุลาเป็นความต่อเนื่องกัน
.
โยงไปถึงการที่คนรุ่นใหม่ในระยะหลังมอง 14 ตุลาว่าไม่ได้นำไปสู่ชัยชนะและให้ความหมายที่น้อยลงไปกว่าที่เคยมองกันในอดีต ซึ่งก็มีเหตุผล
การมอง 14 ตุลาว่าสุดท้ายก็แพ้อยู่ดีนั้น ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริง เพราะเหตุการณ์ 6 ตุลาก็คือบทสรุปขั้นหนึ่งของการเคลื่อนไหวของขบวนการเดือนตุลา ที่สะดุดหยุดลงด้วยการถูกปราบในเหตุการณ์ 6 ตุลา และตามด้วยการรัฐประหารในวันเดียวกันที่นำประเทศสู่ระบอบเผด็จการอย่างยาวนาน
.
ยิ่งมองพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่องมาก็จะพบว่าหากจะสรุปบทเรียนกันจริงๆก็มีหลายแง่มุมที่ควรจะเปิดรับความเห็นจากฝ่ายต่างๆอย่างกว้างขวาง
.
เหตุการ์ณ 14 ตุลานั้น นำด้วยขบวนการนักศึกษาที่มีคุณูปการต่อการต่อสู้และการเปลี่ยนแปลงสังคม แต่ต่อมาก็พบว่าชัยชนะเมื่อ 14 ตุลา นั้น เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันหลายฝ่ายรวมทั้งชนชั้นนำในขณะนั้นด้วย การช่วงชิงกันในเวลาต่อมาทำให้ชนชั้นนำพลิกกลับสู่การมีอำนาจเหนือฝ่ายอื่น ในขณะที่ขบวนการนักศึกษามีข้อจำกัด ต้องผ่านการต่อสู้แบบลองถูกลองผิด ขาดความต่อเนื่องและอยู่ในวงแคบ
.
การที่การเคลื่อนไหวเดือนตุลาไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืนได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษาทั้งโลกก็จะพบว่าไม่มีประเทศใดที่ขบวนการนักศึกษาตามลำพังสามารถนำพาการต่อสู้ไปจนถึงที่สุดโดยไม่อาศัยพลังส่วนอื่นๆในสังคมที่กว้างกว่าและมีพลังมากกว่า
.
การเคลื่อนไหวเดือนตุลา ไม่อาจใช้เป็นสูตรสำเร็จหรือโมเดลต้นแบบที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้เป็ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนได้ แต่อุดมการณ์และเจตนารมณ์ 14 ตุลาและ 6 ตุลาที่ต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตย คัดค้านต่อต้านเผด็จการยังทรงคุณค่าและมีความหมาย รวมทั้งสามารถนำมาปรับปรุงใช้ให้สอดคล้องกับปัญหาของประเทศไทยและสังคมโลกในปัจจุบันได้ด้วย
.
บทเรียนและประสบการณ์ของคนเดือนตุลาที่มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว พ่ายแพ้มากกว่าชนะ แต่หากนำมาศึกษาเพื่อปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในปัจจุบัน ก็อาจมีส่วนช่วยให้การต่อสู่ของคนรุ่นปัจจุบันให้มีพลังและศักยภาพมากยิ่งขึ้นได้บ้าง ซึ่งหากรวมกับเจตจำนง ความรู้ประสบการณ์ของประชาชนที่หลากหลายในปัจจุบันเข้าด้วยกัน การต่อสู้ของประชาชนก็ยังเป็นสิ่งที่มีความหวังและมีอนาคต
.
การรำลึกถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาในแง่นี้ก็อาจมีคุณค่าความหมายมากยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมาก็ได้