ธิดา ชี้หากคดีฮั้วเลือก สว. ไม่ดำเนินการถึงที่สุดอาจเกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ เปิดทางการทำรัฐประหารอีกครั้ง

ธิดา ชี้หากคดีฮั้วเลือก สว. ไม่ดำเนินการถึงที่สุดอาจเกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ เปิดทางการทำรัฐประหารอีกครั้ง เชื่อความขัดแย้งของสองพรรค จบได้ด้วยการเจรจาต่อรอง แนะถอยคนละก้าว

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงบริบททางการเมือง โดยเฉพาะนิติสงครามของพรรคการเมืองขั้วเดียวกันว่า ขณะนี้ต้องถือเป็นวิกฤตการเมืองของพรรคการเมือง แม้จะตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ และเรื่องที่สืบเนื่องจากอดีตที่มีปัญหา ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็มีประโยชน์ร่วมกันคือการเป็นรัฐบาล

เชื่อว่าความสัมพันธ์ทางการเมืองอยู่ในลักษณะแบบตบจูบ ไปจนถึงช่วงใกล้ครบเทอมและมีการเลือกตั้งใหม่ ฉะนั้น โอกากาสที่จะยุบสภาอย่างรวดเร็วคงยาก และพรรคร่วมรัฐบาลต้องหาทางให้รัฐบาลอยู่ให้นานที่สุด ขณะเดียวกันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นการต่อรอง

ดังนั้น ความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่เรียกว่าหนักอยู่ หรือหากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีปัญหากับขั้วฝั่งอนุรักษ์นิยม ความเป็นเอกภาพไม่มี และคนเกลียดนายทักษิณเยอะมาก หมายความว่าแม้จะมีดีลแล้วก็ไม่จบ และคิดว่านายทักษิณ มีปัญหา ตรงที่ว่าเมื่อดีลไม่จบ ต้องกลับมารับโทษ

“พูดจริงๆ นายทักษิณไม่ควรกลัวคุกมากจนเกินไป เพราะคนที่เคยร่วมต่อสู่มาในอดีตเข้าคุกกันมาแล้วทั้งนั้น หากนายทักษิณเข้าคุกก็ไม่ลำบากเหมือนพวกเยาวชน อดีตแกนนำเสื้อแดง หรือคนเสื้อแดงด้วยซ้ำ อยากฝากถึงนายทักษิณ สมมติว่าจะต้องติดคุกอีก ทางที่ดีคือเข้าไปอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ดีที่สุด อย่าไปกลัวเลย นี่คือจุดอ่อน“ นางธิดากล่าว

นางธิดา กล่าวต่อว่า เรื่องของนายทักษิณ คงพยายามจะแยกกับเรื่องของรัฐบาล แต่ไม่ง่ายเหมือนกับเรื่องฮั้วเลือกสว. ฉะนั้น ประเด็นเรื่องพรรคสีน้ำเงิน เรื่องฮั้ว สว. กับประเด็นเสื้อแดง เรื่องนายทักษิณ มีความรุนแรงทั้งคู่ แต่ในกรณีของนายทักษิณ มีคำแนะนำว่าให้เข้าคุกเหมือนกับคนอื่นดีที่สุด

นางธิดา กล่าวว่า ส่วนกรณีฮั้ว สว.เป็นเรื่องที่สังคมรับไม่ได้ จึงขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าเพื่อเอาคนผิดรับโทษให้ได้ และอยากให้จบอย่างที่คนไทยทั้งประเทศอยากเห็น จึงขอส่งคำเตือนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าที่แล้วมามีความผิดพลาดเยอะ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก เสี่ยงมาก จึงไม่ควรจะเสี่ยง ขอให้ดำเนินการคดีฮั้วสว.อย่างถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่มีความหวัง

ส่วนประเด็นพรรคเพื่อไทยแก้ไม่ได้ เพราะต้องการพิทักษ์นายทักษิณ จนมากเกินไป ส่วนกรณีพรรคสีน้ำเงินเรื่อง ฮั้ว สว.หากการดำเนินคดีไม่เป็นไปอย่างถึงที่สุด เชื่อว่าประเทศชาติจะถึงวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ เราไม่อยากให้มีการเปิดทางต้อนรับรัฐประหาร ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้

นางธิดา กล่าวถึงเกมทางการเมืองที่ขั้วพรรคการเมืองต้องการตัดอำนาจทางการเมืองของคู่แข่ง โดยเฉพาะอำนาจของวุฒิสภาให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระว่า เป็นการแบ่งผลประโยชน์ และต่อรองทางการเมือง

แต่ในนามประชาชนไม่ว่าใครจะดำเนินการฮั้ว สว. ไม่ว่าสีแดงและสีน้ำเงิน เรายอมรับไม่ได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับพรรค แต่เกี่ยวกับหลักการ เพราะการเลือกสว.ครั้งนี้สะท้อนว่าหากทำเช่นนี้ได้หมายถึงคุณซื้อประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว ได้เงิน 500 ล้านบาท เพราะเป็นที่มาขององค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

หากเกิดรัฐประหารอีกครั้ง ประเทศไทยอาจอยู่ในภาวะยิ่งกว่า Fail stage หรือรัฐล้มเหลว ไม่มีทางที่จะกู้ประเทศขึ้นมาได้ จึงขออย่าให้มีเลย และขอเตือนไปยังกองทัพว่า อย่าทำรัฐประหาร หากทำรัฐประหารอีกครั้งจะถือเป็นการทำลายชาติ และประเทศจะไม่เหลืออะไร

“จึงคิดว่ามาถึงจุดสำคัญเรื่องผลประโยชน์ของทั้งสองพรรค ดิฉันไม่สนใจ เพราะประชาชนจับตาดูอยู่ แต่ที่สนใจคืออย่าสร้างวิกฤตการเมืองเพื่อทำให้เกิดความชอบธรรมของการทำรัฐประหารรอบใหม่ และเตือนพรรคที่กำลังห้ำหั่นด้วยผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ว่าต้องถอยคนละก้าว ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เอาผลประโยชย์เป็นหลัก และอย่าเดินทางที่ผิดมากกว่านี้” นางธิดากล่าว