
โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ /เหรียญรุ่นแรก 2508 หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ [email protected]
เหรียญรุ่นแรก 2508
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม สุรินทร์
พระสายปฏิบัติ หรือสายพระป่าส่วนใหญ่ เป็นศิษย์ “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” บูรพาจารย์สายพระป่าแทบทั้งสิ้น
หนึ่งในนั้น คือ “พระรัตนากรวิสุทธิ์” หรือ “หลวงปู่ดุลย์ อตุโล” วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก
วัตถุมงคลที่ท่านสร้าง มีทั้งพระบูชา รูปหล่อ พระเครื่อง พระกริ่ง และเหรียญ ทุกรุ่นล้วนสร้างเพื่อหาปัจจัยบูรณะและสร้างเสริมศาสนวัตถุภายในวัด รวมทั้งพัฒนาสาธารณูปการแก่ชุมชนในพื้นที่และใกล้เคียงทั้งสิ้น
กลายเป็นที่นิยมและแสวงหามาตั้งแต่อดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ค่านิยมยิ่งสูงขึ้นตามกาลเวลา
เหรียญหลวงปู่ดุลย์ รุ่นแรก จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2508 โดยคณะศิษย์สร้างถวาย เพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างมณฑปหลวงพ่อพระชีว์
ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ หูในตัว ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนหน้าตรง ข้างบนจารึก “อตุโล” มีอักขระยันต์ ข้างล่างจารึก “พระรัตนากรวิสุทธิ์ หลวงพ่อดูน”
ด้านหลังเหรียญจารึก “คณะศิษย์สร้างถวายเป็นที่ระฤก ในคราวสร้างมณฑปหลวงพ่อพระชีว์ วัดบูรพาราม สุรินทร์ พ.ศ.๒๕๐๘”
จัดสร้าง 1,000 เหรียญ
เป็นเหรียญที่มาแรง ปัจจุบันเป็นที่เสาะแสวงหา
สำหรับหลวงพ่อพระชีว์ หรือที่เรียกกันอีกนามหนึ่งว่า หลวงพ่อประจี เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเก่าแก่ควบคู่กับการตั้งเมืองสุรินทร์ แม้ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่คาดว่าประดิษฐานเป็นพระประธานมิ่งขวัญคู่กับวัดบูรพารามนับตั้งแต่มีการสร้างพระอาราม ซึ่งมีอายุมากกว่าสองร้อยปี
องค์พระประดิษฐานในพระวิหารจัตุรมุข ทางด้านตะวันตกของอุโบสถภายในวัดบูรพาราม

เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ดูลย์ (หน้า-หลัง)
มีนามเดิมว่า ดูลย์ ดีมาก เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2430 ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ที่บ้านปราสาท อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพี่-น้องรวม 5 คน เป็นคนที่ 2
ในวัยเด็ก อาศัยวัดเป็นสถานศึกษา โดยมีพระในวัดเป็นผู้อบรมสั่งสอน วิชาที่เล่าเรียนประกอบไปด้วยการเรียนการสอนทางโลกที่พอให้อ่านออกเขียนได้และศีลธรรมจรรยามารยาทอันควรประพฤติปฏิบัติ
ครั้นเมื่ออายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดจุมพลสุทธาวาส ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระครูวิมลสีลพรต (ทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบึก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูฤทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า “อตุโล” อันหมายถึง ผู้ไม่มีใครเทียบได้ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2461 เมื่อมีอายุ 30 ปี ญัตติมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในคณะธรรมยุต ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม จ.อุบลราชธานี มีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เจ้าคณะมณฑลอุดร เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เมื่อแรกบวช ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานกับหลวงปู่แอก วัดคอโค ซึ่งอยู่ชานเมืองสุรินทร์ พากเพียรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จนครบไตรมาสโดยไม่ลดละแต่ก็ไม่ปรากฏเห็นผลอันใดแม้เล็กน้อย นอกจากนี้ ยังใช้เวลาที่เหลือท่องบ่นเจ็ดตำนานบ้าง สิบสองตำนานบ้าง แต่ไม่ได้ศึกษาพระวินัยแต่อย่างใด
เดินทางไปจังหวัดอุบลฯ พยายามมุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างเต็มสติกำลัง จนกระทั่งประสบผลสำเร็จ คือ สามารถสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรนักธรรมชั้นตรี นวกภูมิ เป็นรุ่นแรกของจังหวัด และยังได้เรียนบาลีไวยากรณ์เบื้องต้นด้วย
เมื่อครั้งที่หลวงปู่มั่นได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบูรพา จ.อุบลราชธานี ร่วมกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม จึงพากันไปฟังธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่นกันเป็นประจำ ทำให้เกิดความซาบซึ้งถึงใจคำพูดแต่ละคำมีวินัยแปลกดี ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน จึงเพิ่มความสนใจใคร่ประพฤติปฏิบัติทางธุดงค์กัมมัฏฐานมากยิ่งขึ้นทุกที
ครั้นออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์มั่นได้ออกธุดงค์ จึงตัดสินใจออกธุดงค์ติดตามไป
ปฏิบัติตามปรารภความเพียรอย่างอุกฤษฏ์แรงกล้า ปฏิบัติตามคำอบรมสั่งสอนอย่างสุดขีด จนแสงแห่งพระธรรมก็บังเกิดขึ้น ปรากฏแก่จิตของท่าน รู้ชัดว่าอะไรคือจิต อะไรคือกิเลส จิตปรุงกิเลสหรือกิเลสปรุงจิต และเข้าใจสภาพเดิมของจิตที่แท้จริงได้ จนรู้กิเลสส่วนไหนละได้ แล้วส่วนไหนยังละไม่ได้
ดังนี้ จึงเป็นผู้มีอุปนิสัยเยือกเย็น พูดน้อย สงบ อยู่เป็นนิตย์ มีวรรณะผ่องใส รักความสงบ จิตใจใฝ่ในความวิเวกมาก ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างแท้จริง บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์
ธรรมโอวาทของหลวงปู่ดูลย์
“…หลักธรรมที่แท้จริงก็คือจิตนั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิตนั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่จิต จิตนั้น โดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ใช่ มิใช่จิต การที่จะกล่าวว่าจิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั่นแหละ ย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิต ก็ถูกเพิกถอนขึ้นสิ้นเชิงแล้ว…”
หลวงปู่ดูลย์ละสังขารด้วยอาการสงบ
สิริอายุ 96 ปี พรรษา 64