จอดป้ายประชาชื่น ตอน ฝ่าด่านจิตวิทยา : โดย พรพินันท์ จันทอุดม

ช่วงนี้เม็ดเงินจากต่างชาติหรือ “ฟันด์โฟลว์” ยังคงไหลออกต่อเนื่อง ทั้งนักลงทุนที่ขายพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือตลาดหุ้นเองนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงสถานะขายสุทธิอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วประมาณ 162,813 ล้านบาท เฉพาะครึ่งแรกของเดือนมิถุนายนก็ปาไปแล้ว 31,387 ล้านบาท สะท้อนว่าตลาดหุ้นช่วงนี้ยังไม่น่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างชาติ

หากดูในภาพรวมจะเห็นว่าตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ อยู่ในช่วงขาลง

ที่เป็นเช่นนี้ปัจจัยหลักมาจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในรอบการประชุมครั้งที่ผ่านมา เหตุผลนี้อาจดูไม่น่าตื่นเต้น เพราะเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมาดอกเบี้ยเฟดปรับขึ้นจนดันดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) รุ่นอายุ 10 ปี แตะ 3% ไปแล้ว แต่การประชุมครั้งล่าสุด คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่าปีนี้จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง สะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ปรับขึ้นอีกแน่นอน เงินลงทุนจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่จึงไหลออกไปยังตลาดหุ้นสหรัฐที่ให้ผลตอบแทนหอมหวานกว่า

ซึ่งฟันด์โฟลว์เป็นเรื่องที่ต้องอิงตลาดนอกประเทศ เพราะธนาคารยุโรป (อีซีบี) เองก็ลดซัพพลายทางการเงินลง ทั้งลดจำนวนเงินการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (คิวอี) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป และประกาศยุติการใช้มาตรการคิวอีในช่วงต้นปี 2562 ขณะที่สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นมาอีกรอบ หากจีนตอบโต้สหรัฐกลับ

Advertisement

ส่วนปัจจัยภายในประเทศเองแม้จะมีไม่มีประเด็นแรงๆ แต่ด้วยความที่หุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ที่มีผลกับความเคลื่อนไหวของตลาด ถ้าหุ้นน้ำมันขึ้นลงทีก็มีผลกับตลาดแล้ว รวมทั้งรายการซื้อหุ้นล็อตใหญ่หรือบิ๊กล็อตครั้งนึงก็เป็นพันล้านบาท

ดังนั้น ในช่วงตลาดผันผวน และดัชนียังคงกระดึ๊บๆ อยู่แถว 1,700 จุด การเลือกหุ้นในช่วงนี้อาจจะต้องเลือกหุ้นเป็นรายตัว ขณะเดียวกันก็ต้องฝ่าด่านจิตวิทยาไปให้ได้!!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image