…เมื่อดูจาก “การนำเข้าวัตถุดิบ” ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงการขยายตัวของภาคการผลิต ที่จะส่งผลให้การจ้างงานมีมากขึ้น ทำให้ “กระทรวงการคลัง” ประเมินว่า “เป็นสัญญาณที่ดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ” ยังเป็นมุมมองที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง สวนทางกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังให้ขรม เกี่ยวกับ “ความฝืดเคือง” ในการทำมาหากินของประชาชน โดยเฉพาะ “เกษตรกร” ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งหมดยุค “รัฐบาลช่วยแทรกแซงราคาพืชผล”
…ที่น่าสนใจมากกว่าคือ “การจัดเก็บภาษี” ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึง “รายได้ของรัฐ” เท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่าคือ “สะท้อนรายได้ประชาชนและธุรกิจ” ซึ่ง “3 กรม” ที่มีหน้าที่ “รายได้ 8 เดือนแรกของปี 2561” ต่ำกว่าประมาณการทั้งหมด โดย “กรมสรรพากร” เก็บได้ 1,131,629 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 10,811 ล้านบาท, กรมสรรพสามิต เก็บได้ 371,693 ล้านบาท ต่ำไป 5,270 ล้านบาท, กรมศุลกากร เก็บได้ 72,874 ล้านบาท ต่ำไป 1,426 ล้านบาท เมื่อ “ภาษี” เป็นจาก “รายได้” และ “การใช้จ่าย” ตัวเลขที่น้อยกว่า ย่อมหมายถึง “รายได้” และ “การใช้จ่าย” ของคนและธุรกิจในประเทศไม่มากเท่าที่คิด ไม่ว่ามองเหตุผลไปที่อะไร ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ “กำลังซื้อที่จะไปหมุนเศรษฐกิจประเทศ” นั้น ไม่มีพลังอย่างที่หวังไว้
…มีรายละเอียดบางเรื่องที่น่าสนใจ “ภาษีเหล้าเบียร์ 7 เดือนปีงบประมาณ 2561” เก็บได้ต่ำกว่าเป้า “6.3 พันล้านบาท” พร้อมกับเสียงแปลกใจจาก “บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่ออกจะงงๆ ว่าเงื่อนไขช่วงนี้ “เหล้า-เบียร์” น่าจะขายดี เพราะ “เพิ่งผ่านสงกรานต์” แล้วตามด้วย “บอลโลก” ยาวนาน ที่เตะกันในช่วงเวลาลงตัวกับการสังสรรค์ที่สุด ซึ่งปกติ “จะต้องเข้าร้านนั่งเฝ้าหน้าจอกันพร้อมเหล้าเบียร์” แต่ปีนี้เงียบหน่อย
จะมีดื่มกันบ้างก็คือกลับไป “จิบที่บ้าน” ผิดคาด พลาดเป้ากันไปหมด ซึ่งเมื่อหาเหตุไม่มีใครสักคนบอกว่าเพราะ “เศรษฐกิจดี” อย่างที่ “ผู้มีอำนาจ” พยายามกรอกหูให้เชื่อ
…แต่น่าชื่นชมสำหรับปีนี้ เป็น “น้ำใจ” ที่มีต่อชะตากรรม “ทีมหมูป่าติดถ้ำ” ต่างคนต่างทุ่มเทกันเต็มที่ กระทั่งคนที่ไม่ได้ช่วยอย่างอื่น ก็เท “กำลังใจ” ให้เต็มที่ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา หากใครสักคนบันทึกไว้ และนำมา “วิเคราะห์” เพื่อให้เห็นความเป็นไปของ “สังคมไทยในมิติต่างๆ” จะเป็นคำตอบที่เป็นประโยชน์ยิ่ง ทั้ง “ด้านที่เป็นจุดแข็ง” ที่ควรรักษาไว้และพัฒนาต่อไป และ “จุดอ่อน” ที่ควรแก้ไข หรือหาทางให้หมดไป “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” ควรจะใช้เรื่องนี้เป็น “กรณีศึกษาและวิจัย” เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรและสังคมในอนาคต
…บริหารประเทศเข้าสู่ปีที่ 5 เรื่อง “พัฒนาการทางเศรษฐกิจ” ก็ว่ากันไป เพราะต้องใช้ “ฝีมือ” และ “ปัจจัยที่ส่งเสริม” ซับซ้อน และมากด้วยเงื่อนไข แต่ที่น่าเสียดาย ด้วยน่าจะเป็น “ผลงานที่เชิดหน้าชูตา” ของ “รัฐบาลชุดนี้” ได้ไม่ยาก เนื่องจากสามารถใช้อำนาจเต็มจัดการได้ทุกเรื่องราว โดยประชาชนดูจะให้โอกาสเต็มคือ “พัฒนาการทางการเมือง” ที่ “ภาพของนักการเมืองตกต่ำ” อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เปิดทางให้ “ชำระล้าง” โดยพลังต่อต้านไม่พอตอบโต้ แต่ที่สุดแล้ว ดูเหมือน “ทำอะไรให้ดีกว่าได้เอาเลย”
…ที่สำคัญ “ไม่เพียงไม่ดีกว่า” กลับกลายเป็น “ความพยายามที่จะมีอำนาจต่อไปหลังเลือกตั้ง” นับวันจะยิ่ง “ตีบตันในการสร้างคุณภาพทางการเมือง” ที่เห็นเคลื่อนไปอยู่ตอนนี้ เป็นแบบ “เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ” เสียยิ่งกว่าที่ผ่าน เรื่องราวของการใช้ทุกอาวุธ แบบไม่เลือกประเภท เลิกพูดถึง “ผลข้างเคียงที่จะตามมา” ขอให้ “ชนะเลือกตั้ง” อันเป็นการสร้าง “ศูนย์กลางอำนาจรัฐ” ด้วย “น้ำเน่า” ที่น่าจะเป็นพิษเป็นภัยต่อความเป็นไปของประเทศ เสียยิ่งกว่าเดิม
ชโลทร