•…หลัง “พรรคพลังประชารัฐ” ประสบความสำเร็จใน “พลังดูด” ผู้มีบารมีในท้องถิ่นเข้าร่วมได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ภาพการเมืองชัดขึ้น “นักการเมือง” คนไหน ยึดมั่นในวิธีคิดอย่างไร ชั่วโมงนี้ “เปลือยให้ประชาชนได้เห็น” กันชัดๆ บางคนชนิด “ไปไกลขนาดยอมทิ้งอุดมการณ์พรรค” ที่เชิดชูไว้ก่อนหน้านั้น เหมือนไม่เคยมีอยู่
•…พวกหนึ่งมองการเมืองเป็นธุรกิจส่วนตัว “ฐานคะแนนที่สร้างไว้ เป็นการลงทุน” มี “ตัวเองเป็นสินค้า” บางคนไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่า “จะได้รับเลือกตั้งหรือไม่” ขอเพียงได้เงินในจำนวนที่พอใจ ก็พร้อมจะ “ลืมคำที่เคยพูดไว้กับประชาชน”
•…บางพวกเชื่อว่า “คะแนนเสียง” จากประชาชน “ซื้อได้” ชัยชนะไม่ได้มาจากความเชื่อถือศรัทธา แต่เกิดจากการให้ผลประโยชน์เฉพาะหน้า “พรรคไหนทุ่มทุนและเปิดโอกาสให้ซื้อได้อย่างปลอดภัยกว่า” คือพรรคซึ่งเกื้อหนุนความสำเร็จได้ดีกว่า เมื่อทั้ง “อำนาจรัฐและอำนาจทุน” เอื้อให้มากกว่าพรรคอื่น “พรรคพลังประชารัฐ” จึงเป็นแรงดึงดูดที่เปี่ยมด้วยความหวังมากกว่า
•…การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกสองถึงสามเดือนข้างหน้านี้ จะเป็นการพิสูจน์ว่า “สมมุติฐาน” ของใครถูก ระหว่าง “พวกหนึ่ง” ที่มองว่า “คนไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย” เพราะลงคะแนนเสียง
กาบัตรด้วยผลประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าจากผลซึ่งจะเกิดขึ้นกับประเทศในระยะยาว กับ “อีกฝ่ายหนึ่ง” ที่เชื่อมั่นว่า “ประชาธิปไตยไทยพัฒนามาถึงขั้นที่ประชาชนมีสำนึกและความรู้พอที่จะร่วมกำหนดอนาคตของประเทศ” แล้ว
•…การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็น “เกมแรง” หากปล่อยประชาธิปไตยพ่ายแพ้หมายถึง ประชาธิปไตยแบบสากลสำหรับประเทศไทยจะต้อง “ถอยหลังไปตั้งหลักใหม่อีกยาว” ชนิดไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้กลับคืนมาหรือไม่ และนี่คือ งานหนักสำหรับ “พรรคการเมืองที่อาศัยอำนาจประชาชน” เป็นฐานขึ้นมามีบทบาทในการบริหารประเทศ
•…ยิ่งมีความเชื่อว่า “รัฐบาลหลังเลือกตั้งครั้งนี้จะอยู่ได้ไม่ยาว” ทำให้เกิดความกังวลว่าความทุ่มเทจะไม่คุ้มค่าหรือกลายเป็นความสูญเปล่า ยิ่งทำให้ฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจมีแรงกดดันในการต่อสู้
•…สำหรับ “พรรคเพื่อไทย” แม้จะมีแผนเด็ดด้วยวางเกม “แตกตัวออกเป็นห้าพรรค” เพื่อหวังผลครอบคลุม ส.ส. “ทั้งพื้นที่และปาร์ตี้ลิสต์” แก้ปัญหา “รัฐธรรมนูญที่วางอุปสรรค” เพื่อทำให้พรรคใหญ่กลายเป็นพรรคเล็ก แต่ “วิธีการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผน” ยังเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวจะทำอย่างไรให้ประชาชนฐานเสียงของพรรค “รู้วิธีลงคะแนนที่หวังผลได้” ในเวลาอันจำกัดและกฎระเบียบมากมายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง “เป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารให้ทั่วถึงและได้ผล”
•…ส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” โอกาสที่จะยังรักษาความเป็นพรรคใหญ่ไว้ได้ “แทบจะมองไม่เห็น” หนักไปกว่านั้น โอกาสที่ “ผู้นำพรรคจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศ” เรียกได้ว่าไม่มีเลย “ประชาธิปัตย์” วันนี้เป็นได้อย่างมากที่สุดคือ “พรรคสำรองของฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.” ในกรณีที่เสียงไม่พอสำหรับตั้งรัฐบาลอย่างมีเสถียรภาพ หาก “พรรคพลังประชารัฐและเครือข่าย” รวบรวมเสียงได้อย่างน่าพอใจ “พรรคประชาธิปัตย์” ก็หมดความหมาย บทบาทเดียวบนเวทีการเมืองคือ “ฝ่ายค้าน”
•…ที่เล่นเกมได้เยี่ยมยอดที่สุดกลับกลายเป็น “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” ไม่เพียงแรงดึงดูด “ส.ส.ในพื้นที่” เข้ามาร่วมพรรคได้ไม่แพ้ “พรรคพลังประชารัฐ” เท่านั้น แต่ยุทธศาสตร์เป็น
กลาง “พร้อมร่วมกับทุกฝ่าย” ปิดประตูเป็นฝ่ายค้าน เปิดทางเฉพาะเป็น “รัฐบาล” เท่านั้น
ชโลทร
กินสุก หยุดมะเร็ง – ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมรณรงค์ให้ประเทศไทยไร้พยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดี ในโครงการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (CASCAP) โดยจัดทำสื่อรณรงค์ “กินสุก หยุดมะเร็งท่อน้ำดี” โดยมี ศ.พวงรัตน์ ยงวณิชย์ ปธ.มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี รับมอบสื่อรณรงค์จากบุษกร ตรีสวัสดิ์ ผอ.ผู้บริหารสายกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้แทนมอบ ณ ห้างเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น