…ในความพยายามของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะผลักให้ประเทศไปสู่ “ความทันสมัยในวิธีการพัฒนา” เจตนาที่ดีงามนั้น ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่เป็นตามฝันได้ยากเย็นยิ่ง “ไทยแลนด์ 4.0” ที่ต้องเคลื่อนไปบน “การใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับ” กลับเผชิญกับ “ความเป็นจริงของความไม่พร้อมในทุกด้าน” และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเข้าใจที่ผิวเผินของผู้นำ” ซึ่ง “ทำให้ความคิดกับการกระทำขัดแย้ง เสียดทาน และต่อต้านกันรุนแรง” จนเกิด “ความสับสนอลหม่านไปทุกมิติ
…ในทางการเมือง ที่ “4.0” ต้องการมากที่สุดคือ “เสรีภาพ” ด้วยเป็นพื้นฐานของ “อิสระทางความคิด” ซึ่งเป็นต้นทางของ “ความคิดสร้างสรรค์” อันเป็นหัวใจของการสร้าง “นวัตกรรม” อันจะทำให้ “สตาร์ตอัพ” อันเป็น “ต้นทุนใหม่” ที่สำคัญสำหรับยุคสมัย ทว่า “สังคมไทยยามนี้” กลับมีความจำเป็นต้องปิดกัน “เสรีภาพทางความคิดอย่างถึงที่สุด” และนั่นเป็น “อุปสรรคใหญ่สำหรับ 4.0 ในมิติทางการเมือง”
…เรื่องนี้หากย้อนไปฟัง “คลิป” ที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูดในงาน “41 ปี ประชาชาติธุรกิจ” ในมุมมองว่า “ระบบข้าราชการเป็นตัวฉุดรั้งสำคัญสุดที่ทำให้คนตามไม่ทันเทคโนโลยี” และกลับมามอง “การเมืองที่จำเป็นต้องฟื้นระบอบข้าราชการนิยมขึ้นมาเป็นเครื่องมือบริหารจัดการประเทศ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับภารกิจนี้มาปฏิบัติอย่างเข้มข้น ย่อมเป็นเรื่อง “น่าเศร้า” สำหรับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ “ฝันไปคนละทางกับความเป็นจริง”
…มาดู “มิติทางเศรษฐกิจ” หากตีความว่า “1.0” มี “ที่ดินเป็นทุนใหญ่” ตามด้วย “2.0” อาศัยรายได้จาก “อุตสาหกรรมหนักที่มีเครื่องจักรเป็นทุน” มาถึง “3.0” ที่มีความรู้ ความสามารถ และเครื่องไม้เครื่องมือของธุรกิจบริการเป็นทุน ซึ่งการวางแผนจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ ควรจะต้อง “เหมาะสมกับสอดคล้องกับทุนของยุคสมัย” เมื่อ สมคิด จาตีศรีพิทักษ์ ประกาศให้ “ประเทศเข้าสู่ 4.0” อันหมายถึงต้องกระจ่างชัดอย่างยิ่งว่านับจากนี้ “ทุนสำคัญของยุคสมัยคือแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี” และจะต้องจัดเก็บ “รายได้เข้ารัฐให้สอดคล้องกับทุนของยุคสมัย”
…ในความเป็นจริงในระบบเศรษฐกิจ ที่ “ธุรกิจสร้างความร่ำรวยมหาศาล” เป็น “แพลตฟอร์มเทคโนโลยีในการสร้างเครือข่าย” อย่างที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยกตัวอย่าง “เฟซบุ๊ก กูเกิล ยูทูบ” หรือ “บริการแท็กซี่อูเบอร์” หรือ “ระบบจองโรงแรม” ระบบ “ขายของออนไลน์” และอื่นๆ “ธุรกิจเหล่านี้” ไม่ต้องมี “ต้นทุนอื่น” แค่จัดการระบบให้ทำงานได้ “ต้นทุน” อยู่ที่ “การใช้เทคโนโลยีจัดการระบบ” เป็น “ธุรกิจที่สร้างความร่ำรวยมหาศาล” ซึ่งหากเป็น “รัฐบาล 4.0” จะต้องหาทาง “เก็บรายได้จากธุรกิจเหล่านี้ให้ได้” ทว่า ขณะที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พยายามขาย “ประเทศไทย 4.0” แต่วิธีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดขึ้นมาจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ เพื่อ “ขับเคลื่อนประเทศ” กลับเป็น “ทุนดั้งเดิม” อย่าง “ภาษีที่ดิน” หรือเข้มงวด “ภาษีศุลกากร” จากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในโลกยุคไร้พรมแดน และอื่นๆ อีกมากมาย เหล่านี้ย่อมเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจน
…ในยุคสมัยที่ “ธุรกิจแบบทุนเก่า” ตกอยู่ในสภาพ “เอาตัวไม่รอด” กับการต่อสู้กับ “ธุรกิจแบบทุนใหม่” ที่น่าตกใจยิ่งคือ “อำนาจรัฐ” ไม่เพียงไม่มีปัญญาไปหาทาง “หารายได้เข้ารัฐ” จาก “ธุรกิจทุนใหม่” กลับซ้ำเติมด้วยการ “ขูด” เอาจาก “ธุรกิจทุนเก่า” ที่อาการร่อแร่ขึ้นทุกวัน ซึ่งนับเป็น “ความน่าเศร้ายิ่ง”
…นั่นเป็นเรื่อง “4.0” ในมิติ “การเมือง” และ “เศรษฐกิจ” หากมองต่อไปใน “มิติทางสังคม” ยิ่งมองไม่เห็นเลยว่า “ประชาชน” ที่โกลาหลกับ “ทิศทางของประเทศยามนี้” จะหันหน้าไป “พึ่งพาใคร” ได้
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่