…เดือนแรกของปีใหม่ เดินทางล่วงมากว่าค่อนแล้ว หลายเรื่องมีความชัดเจนขึ้น แต่ในบางมิติยังคลุมเครือว่าจะเอายังไงกันแน่ ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เข้าสู่ยุค “AI” ที่ “หุ่นยนต์” มีบทบาท “คิดแทน ทำแทนคนมากขึ้น” กระทั่งเกิดความไม่แน่ใจกันเสียแล้วว่า ระหว่าง “AI” กับ “มนุษย์” ใครจะฉลาดกว่ากันในอนาคตอันใกล้ ใครเป็นเจ้าของ “ปัญญาประดิษฐ์” ย่อมฝันถึงความได้เปรียบ ทว่าโอกาสเช่นนั้น “มีสักกี่คนที่ไปถึง” และด้วยเหตุนี้ “ปัญญาประดิษฐ์” จึงควรเป็น “การลงทุนภาครัฐ” ที่จะทำให้ “คนส่วนใหญ่” มีโอกาสใช้ประโยชน์ ไม่ใช่เป็นแค่ “พัฒนาการที่สร้างความได้เปรียบให้กับคนบางกลุ่ม” อันเป็นการต่อยอด “มือใครยาวสาวได้สาวเอา”
…ในทางการเมือง ความชัดเจนอยู่ที่ “บูรพาพยัคฆ์” ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น “จุดขาย” เดินต่อในเส้นทางช่วงชิงอำนาจแน่ ด้วยการจัดวางโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญที่ทำให้ “ใจชื้นได้มากกว่าใครในทุกด้าน” แต่ที่ยังไม่ชัดคือ “เลือกตั้งเมื่อไร” แม้จะประกาศไว้แล้วว่าจะจัด “พฤศจิกายนปีนี้” แต่อาการลังเลจาก “ผู้มีอำนาจ” ยังแสดงให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ที่ฮึกเหิมประกาศความพร้อมจะขึ้นเวทีกลายเป็น “พรรคการเมืองเก่า” ที่ประเมินกันว่า “ถูกวางอุปสรรคไว้มากมายในเส้นทางสู่อำนาจ”
…ในทางเศรษฐกิจ ความชัดเจนอยู่ที่ “ความเชื่อมั่นของภาครัฐ” ว่า “การเติบโต” อยู่ในระดับน่าพอใจ “ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์” พุ่งกระฉูด แต่ที่ยังคลุมเครือคือ “ความเหลื่อมล้ำ” จะแคบลง หรือยิ่งถ่างกว้าง ด้วย “ธุรกิจของคนหาเช้ากินค่ำ” ยังมองไม่เห็นความหวัง เช่นเดียวกับ “ชีวิตเกษตรกร” ยังได้แค่รอ “ราคาพืชผล” จะดีพอมีรายได้พยุงชีวิตให้รอด
…ในทางสังคม ความชัดเจนอยู่ที่ “ผู้รับผิดชอบ” กระจ่างแจ้งว่า จำเป็นต้อง “ปฏิรูปบทบาทตำรวจ การศึกษา สาธารณสุข” ให้อำนวยความสุขสงบให้ประชาชนส่วนใหญ่พ้นไปจาก “ความวิตกกังวล” มากขึ้น แต่ “ความไม่ชัดเจนอยู่ที่” ที่คิด ที่จะปฏิรูปกันอยู่นั้นเป็น “ก้าวไปข้างหน้า หรือพาถอยหลังเข้าคลอง” ด้วยวิธีปฏิรูปทุกเรื่องที่ทำกันอยู่ “คล้ายกับขุดของเก่าที่เคยสร้างปัญหามาใช้ใหม่” เสียมากกว่า “คิดใหม่ทำใหม่ให้เหมาะกับความเปลี่ยนไปของโลก”
…นับจากนี้ที่จะสู้กัน “มันหยดติ๋ง” เป็น “คณะกรรมการ กสทช.” ชุดใหม่ ที่ยื่นใบสมัครกันคึกคัก มากมายถึง 86 คน จากที่เอา “ด้านละคนรวมแล้ว 7 คน” ที่ชัดเจนคือ “นายพลจากกองทัพ” เสนอตัวเข้ามามากมาย เหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน แต่ที่ไม่ชัดเจนคือ ข่าวที่ปล่อยกันกระหึ่มว่า “นายพลจะเข้าป้ายไม่น้อยกว่า 4 คน” เพื่อ “รักษาผลประโยชน์มหาศาลของชาติที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานนี้” ไม่ชัดเจนตรงที่เป็นข่าวปล่อยเพื่อ “เตะตัดขานายพล” หรือ “เอาข่าวจริงมาปล่อย”
…หลังจากยื่นใบสมัคร ด่านแรกที่ต้องผ่านคือ “ตรวจสอบคุณสมบัติ” ไม่ให้มีปัญหากับที่ “กำหนดไว้” ซึ่งตรวจจากรายชื่อแล้วจาก “86 คน” จะมีไม่น้อยกว่า “20 คน” ที่ไม่ผ่าน โดยเฉพาะ “ลักษณะต้องห้ามข้อ 12” ที่ระบุไว้ว่า “เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้น หรือหุ้นส่วนในบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลอื่นใด บรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลา 1 ปี ก่อนได้รับการคัดเลือก” อันเป็น “ข้อห้าม” ที่ว่ากันว่า “หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองเข้าข่าย” และหลายคนในนั้น ชื่อชั้นอยู่ในขั้น “ตัวเก็ง”
…การดำเนินคดีกับ “เสก โลโซ” ว่าไปมีความน่าสนใจยิ่ง “ยิงปืนขึ้นฟ้า” ที่เห็นอยู่กลาดเกลื่อน เหมือนกับเป็น “ประเพณี” แบบไทยๆ ที่ทำกันในหลายงานพิธี หรือกระทั่ง “เสพยาเสพติด” ที่หน่วยงานรัฐชูคำขวัญกันมายาวนาน ว่า “ผู้เสพคือผู้ป่วย” ทำนอง “ควรช่วยเยียวยามากกว่าเอาไปขังให้ล้นคุก” ประโยชน์มีหรือไม่ หากศึกษาชีวิตที่รุ่งเรืองของ ชาตรี ศรีชล ที่หมดอนาคตลงเพราะ “คดี” บางทีอาจจะเห็น “จริตของสังคมไทย” ได้ชัดขึ้น
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่