…ในห้วงยามของความเห็นต่อเสียงเรียกร้องให้ “เร่งเลือกตั้ง” สร้างอารมณ์ล้อเล่นของ “ผู้มีอำนาจ” ระดับ “เอาไปประหารชีวิต” การเมืองท่าจะสนุกขึ้น เรื่องการตอบโต้รายวัน ไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กับ “ประชาชนกลุ่มที่โหยหาประชาธิปไตย” เท่านั้น ด้วย อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ขยับออกมายืนหน้าโรง “ร่วมรำดาบ ต่อปากต่อคำ” ด้วย ที่นึก
เอาว่าน่าสนุก เพราะบ้านนี้เมืองนี้ หากว่ากันด้วยฝีปาก “ยากจะมีคนที่ทำมาหากินได้ดีเท่าหนุ่มมาร์ค”
…ความช่ำชอง เชี่ยวชาญในวิธีพูด ทำให้คำพูดของตัว มีประเด็นแหลม
เข้าไปทิ่มแทงเป้าหมาย ในระดับต้อง “สะดุ้งโหยง” แต่ขณะเดียวกัน มี
“เหลือทางออกให้เอาตัวรอดได้ หากถึงเวลาคับขัน” ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ แต่สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดการได้ง่ายชนิดแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปรี้ยงปร้างออกไปก่อน
แล้วค่อยหาทางออกโดยการ “ขอโทษภายหลัง” ชั้นเชิงที่แตกต่างกันระดับนี้ วิญญูชนทั้งหลายย่อมประเมินได้ว่า “ใครเสี่ยงจะเสียคนตอนจบมากกว่า”
…รายงานจาก “กระทรวงแรงงาน” เรื่องความต้องการอัตรากำลังใน “โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” หรือ “อีอีซี” ที่รัฐบาลโหมพลังเต็มที่จะสร้างเป็น “เครื่องยนต์ใหญ่ฉุดเศรษฐกิจประเทศให้หมุนไป” เกือบทั้งหมดเป็น “แรงงานฝ่ายผลิต” ใน “วุฒิไม่เกิน ปวช.-ปวส.” นั่นหมายถึง “ค่าจ้างที่ต่ำกว่าปริญญาตรี” น่าสนใจตรงที่ “แผนการศึกษาเพื่อเตรียมคนตอบสนอง” ซึ่งดูเหมือนจะ “เริ่มคิด” แต่ฝ่าทะลวงค่านิยมด้านการศึกษาของประเทศ ที่ “ทุกครอบครัวมุ่งไปที่ให้ลูกหลานเรียนปริญญา” เพื่อโอกาสในการเป็น “ผู้บริหาร” ซึ่งตลาดแรงงานไม่ต้องการยังไม่ได้ ดังนั้น “งานที่สร้างขึ้นจึงเป็นโอกาสของแรงงานต่างชาติมากกว่าแรงงานไทย”
…คนที่น่าเห็นใจสุดเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ดูแล้วเหมือนจะรู้ทั้งรู้ ว่า “โครงการที่ขับเคลื่อนได้ยากเพราะกลไกราชการที่เทอะทะเป็นอุปสรรคใหญ่” ทำให้ “มาตรการจูงใจ” ที่รัฐทุ่มแล้วทุ่มอีกลงไป กลายเป็น “เหยื่ออันโอชะของทุนใหญ่ที่ฉวยโอกาสได้มากกว่า” กระดิกไม่กี่ท่า “งบประมาณก็ไหลมาเทมาเข้ากระเป๋า” โดยไม่ต้องลงแรงอะไรมาก ขณะที่ “ความหวังว่าโอกาสจะกระจายไปถึงธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง” กลายเป็น “ฝัน” ที่พูดปากเปียกปากแฉะแค่ไหน ก็คล้ายไม่มีวันเป็นจริง
…น่าจะบานทะโรคไปกันใหญ่ “บ้านพักราชการบนดอยสุเทพ” ความเคลื่อนไหวขยายจาก “ต่อต้านการรุกป่า” แปรอารมณ์สู่ “ปกป้องดอยอันเป็นสัญลักษณ์เมือง” กลายเป็นประเด็น “ความเชื่อ ความศรัทธา” ที่พูดกันรู้เรื่องได้ยาก งานนี้ใครมีหน้าที่จัดการ ต้อง “ตั้งสติมั่น” เอาแต่แสดงอำนาจไม่ได้แน่
…ไม่เกินคาดเดา ระหว่าง “ประชาชนผู้ใช้บริการ” กับ “แท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสาร” เริ่มจะกลายเป็นสงคราม ล่าสุด “ผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นไปนอนบนกระโปรงรถแท็กซี่ที่ไม่เปิดประตูรับ” หากการดูแลของผู้รับผิดชอบยังไม่เกิดขึ้น อีกหน่อยคงถึงขั้นเป็นไปในทำนองเดียวกับ “ป้าเจ้าของบ้านที่ลากขวานออกมาฟันรถที่จอดขวางประตูหน้าบ้าน เพราะหมดปัญญาแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น” “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย” ทำอะไรได้ก็รีบทำเถอะ ก่อนที่ “โทสะจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”
…ตามคำเรียกร้อง หยิบ “รุกสยามในนามพระเจ้า” เรื่องราวสมัย “พระนารายณ์มหาราช” ที่ “Morgan Sportes” เขียน กรรณิกา จรรย์แสง แปล มา “พิมพ์ใหม่” ใครสนใจ สั่งจองที่ มติชน โซนพลาซ่า ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้เลยตลอดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ไปที่ “บูธมติชน” จะพบกับ “หนังสือเล่มใหม่” ที่น่าสนใจมากมาย มานำเสนอในราคาพิเศษ อย่าพลาด
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่