…เมื่อโทรศัพท์มือถือถูกบังคับให้ “ลงทะเบียนการขอมีซิมการ์ด” ด้วย “สำเนาบัตรประชาชน” ขณะที่ทั้ง “สำเนาบัตรประชาชน” หรือ “หมายเลขบัตรประชาชน” เป็นช่องทางให้ “มิจฉาชีพ” เข้ามา “ล่อลวง” หรือ “ฉ้อโกง” หรือ “อีกสารพัดอย่าง” ที่จะทำให้ “เจ้าของบัตรประชาชน” เดือดร้อน เรื่องราวปล่อยให้ “สำเนาบัตรประชาชน” หลุดออกไปสู่สาธารณะด้วย โดย “บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ” ไม่ว่าจะด้วย “เจตนา” เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง “สะเพร่า พลั้งเผลอ” ด้วยความ “ห่วยของระบบที่ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการ” ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องจัดการเยียวยา และแก้ไขโดย “หน่วยงานของรัฐ” ที่เกี่ยวข้องต้องรีบที่จะแสดงความเดือดร้อนแทนประชาชนที่เสียภาษีให้เป็นเงินเดือนของพวกท่าน
…ทุกวันนี้มีความตื่นตัวใน “ระบบความปลอดภัยของโลกออนไลน์” กันมาก การลงทะเบียนเข้าร่วม หรือเข้าใช้ไม่ว่าจะเป็นบริการของ “รัฐ” หรือ “ธุรกิจการค้าทั่วไป” ล้วนเรียกร้องให้ยอมมอบ “สำเนาบัตรประชาชน” หรือ “หมายเลขบัตรประชาชน” ให้ เพื่อใช้ยืนยันความเป็นตัวตน ซึ่งหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับ “บัญชีทรัพย์สิน” หรือ “ความปลอดภัยในชีวิต” ไม่ใช่เรื่องที่จะมา “ทำเล่นๆ” กัน หาก “หน่วยงานของรัฐ” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลประชาชน ปล่อยให้เกิด “การทำมาหากินอย่างไร้สำนึก” เช่นนี้ อีกหน่อย “ระบบลงทะเบียนทั้งหมดจะล้มเหลว” เพราะ “ไม่มีใครไว้ใจใครอีกต่อไป” หรือไม่ก็ “การยืนยันตัวตน” ต้องมากกว่า “สำเนา หมายเลขบัตร หรือข้อมูลที่มีในบัตรประชาชน” ซึ่งนั่นหมายถึง “บัตรประชาชนจะไม่เหลือคุณค่าอะไรให้เชื่อถือ” ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอะไรไม่ได้ และที่สุดแล้ว “ไม่รู้จะต้องมีไว้ทำไม”
…เป็นประเด็นครึกครื้นทางการเมืองช่วงหยุดยาวสงกรานต์ เมื่อ ชวน หลีกภัย ออกมา “ขอบคุณรัฐบาล คสช.” ที่ช่วย “ซ่อมถนนให้คนใต้” แล้วตบท้ายด้วยถูก “แกล้งด้วยการตัดงบฯ” โดย “รัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก่อสีสันการ “วิพากษ์วิจารณ์” กันอื้ออึง มีบ้างที่ “ออกมาช่วยว่านายหัวพูดจริง” แต่กระแสส่วนใหญ่ไปในทาง “ขำกลิ้ง” ด้วยตีความว่า “เสาหลักประชาธิปัตย์” แผ่นเสียงตกร่อง “หยุดพัฒนาการ” เสียแล้ว
…อย่างไรก็ตาม “การเชิดชูคุณงามความดีของรัฐบาล คสช.” พร้อมๆ กับ “ปาดมีดโกนใส่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์” มีหลายคนไม่เชื่อว่า ระดับ ชวน หลีกภัย จะไม่มีนัยยะในการพูด เมื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาประกาศจุดยืนให้ “ฮากันครืน” เรื่อง “ต่อต้านเผด็จการ” ตามประสา “ประชาธิปัตย์” มัก “แยกกันเดินรวมกันตี” อีกทางจึงต้อง “สำนึกบุญคุณของ คสช.” ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณให้ “คนใต้” ที่ “นายหัว” ควบคุม “ความเชื่อถือ ศรัทธา” ไว้ ไม่ให้ปันใจให้ “พรรคคู่แข่ง” เหมือนจะหวังว่า “ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว”
…ตื่นตระหนกกันไปทั้งโลก เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ แห่ง “สหรัฐอเมริกา” เปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่ม “ซีเรีย” โดยมีผู้นำ “อังกฤษ-ฝรั่งเศส” ออกมาตามแห่เหมือนเคย เริ่มแรกตระหนกไปถึง “สงครามโลกครั้งที่สาม” เพราะรู้กันอยู่ว่า “ซีเรีย” มี “รัสเซีย” ซึ่งแสนยานุภาพทางอาวุธไม่เป็นรองใครหนุนหลัง พร้อมเผชิญหน้ากับ “ทรัมป์” แต่ที่สุดแล้ว การโจมตีวูบหายไป โดย “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ออกมาบอกกับโลกว่า “โจมตีครั้งเดียว” แม้จะออกตัวไว้ทำนอง “หากซีเรียไม่ใช้อาวุธเคมีอีก” ก็มีน้ำหนักให้โลกต้องกังวล
…ที่น่าสนใจคือ การถล่ม “ซีเรีย” ครั้งนี้ แทนที่ “ชาวโลก” จะชื่นชม “ปฏิบัติการสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส” เหมือนที่เคยเป็นมา กระแสหลักกลับเป็นการ “ช่วยกันออกมารุมประณาม” เสียมากกว่า ด้วยทุกวันนี้ “การสื่อสารของโลกไม่ได้ผูกขาดได้ด้วยช่องทางของมหาอำนาจเหมือนเมื่อก่อน” ทุกความเคลื่อนไหว ในทุกมุมโลก ล้วนสามารถนำเสนอ “ความเป็นจริง” ให้ได้รับรู้ ไม่เป็นไปตาม “ความสามารถในการเบี่ยงเบนเหตุการณ์ บิดเบือนข้อมูล” เพื่อ “ความชอบธรรมที่สร้างขึ้น” เหมือนที่เคยทำได้
…วกมาที่ประเทศไทย “จะเลือกตั้งเมื่อไร” และหลังเลือกตั้งแล้วการแก้กติกาให้อำนาจคืนสู่ประชาชนอย่างแท้จริงจะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ “ยังเป็นคำถาม” ที่ “ไม่มีคำตอบ” อยู่เหมือนเดิม
ชโลทร