โครงร่างตำนานคน : ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’สะท้อน‘พลัง’ที่หวังได้ : โดย การ์ตอง

หลัง “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เรียกพรรคการเมืองให้ส่งตัวแทนเข้าหารือความพร้อม “การเลือกตั้ง” และ วิษณุ เครืองาม ออกมาบอก “วันเลือกตั้ง” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “เร็วสุดวันที่ 24 ก.พ.2562 และช้าสุดวันที่ 5 พ.ค.2562”

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองทวีความคึกคักขึ้นจากที่เป็นมา แม้ว่า “คสช.” จะยังไม่ประกาศปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้

ที่ชัดเจนมากกว่าเรื่องอื่นคือ “แนวโน้มการต่อสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้” มีการพูดถึงกันว่าจะเป็นเกมที่ช่วงชิงกันระหว่าง “พรรคต่อต้านเผด็จการ” กับ “พรรคสนับสนุน คสช.”

ความดุเดือดของการเลือกตั้งจะอยู่ตรงที่ ต่างฝ่ายต่างต้องตั้งเป้าว่า “แพ้ไม่ได้”

Advertisement

หาก “ฝ่ายต่อต้านเผด็จการพ่ายแพ้” ย่อมหลายถึงชะตากรรมของการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ที่ผู้สนใจการเมืองทุกคนย่อมคาดเดาได้ว่าจะเข้าสู่อนาคตที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

แต่หาก “ฝ่ายสนับสนุน คสช.” พ่ายแพ้ย่อมหมายถึงแนวโน้มที่จะต้องมีการไล่รื้อหลายๆ อย่างที่ซึ่งหนีไม่พ้นที่จะต้องกระทบกระเทือนต่อชะตากรรมของใครหลายคนที่ใช้อำนาจกันอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา

เกมที่มีแต่ต้องชนะเท่านั้นจึงจะมีที่ยืนอยู่ได้ ทำให้การต่อสู้หนีไม่พ้นการเอาเป็นเอาตายมากกว่าครั้งไหนๆ

Advertisement

ในเกมนี้ แม้จะมีอำนาจเต็ม และความพร้อมในทุกด้านมากกว่า โดยไม่เว้นแม้แต่กติกาโครงสร้างอำนาจก็เอื้อให้ ทว่า “คสช.” ดูจะหายใจไม่เต็มปอดนัก ด้วยเป็นเกมที่ในที่สุดแล้ว “ประชาชน” มีส่วนสำคัญในการตัดสิน
การจะยึดครองคะแนนนิยมจากประชาชนอันเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดของ “ความชอบธรรม” ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้อำนาจ หรือปัจจัยที่สร้างไว้ให้เอื้อกับตัวเองอย่างได้ผล

แม้ที่สุดจะสามารถสืบทอดอำนาจได้อยู่แล้วจากที่วางแผนกำหนดเกมไว้ล่วงหน้า แต่ “ชัยชนะในการเลือกตั้ง” ก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้อ้างถึง “ความชอบธรรม” ได้มากกว่า

ด้วยเหตุนี้เอง “ผู้ที่จะทำชัยชนะในการเลือกตั้งมาให้” จึงสำคัญมาก

เริ่มต้นเหมือนจะมีพลังมวลชนมหาศาลที่ยืนอยู่ข้างเดียวกัน

ด้วยคู่ต่อสู้ในเวทีเลือกตั้งนั้นชัดเจนว่าคือ b ที่เกิดใหม่มาจาก “พลังประชาชน” ที่สืบทอดมาจาก “ไทยรักไทย” แทบไม่มีพรรคอื่น

พลังมวลชนที่ล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” หรือ “มวลชนเสื้อเหลือง” หรือ “มวลมหาประชาชน” ของ “กปปส.” หรือ “มวลชนนกหวีด” เลยไปถึง “พรรคการเมืองใหญ่เก่าแก่” อย่าง “ประชาธิปัตย์”

ฟากฝ่าย “สนับสนุน คสช.” ควรจะเข้มข้น และยากที่จะพ่ายแพ้

ทว่านิ่งนานวัน ดูเหมือนความมั่นใจยิ่งจะลดน้อยถอยลง

เมื่อเปิดตัว “พรรคสนับสนุน คสช.” ขึ้นมาขายทีละพรรค ดูว่า “ทุกพรรค” จะละลายหายไปกับอากาศอย่างรวดเร็ว แทบหาไม่เห็นแนวร่วมที่ทำให้มีความหวังขึ้นมาได้บ้าง

ไม่เว้นแม้แต่พรรคที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ร่ำไห้ขอ “ตระบัดสัตย์” เรียกร้องโอกาสจากมวลชนเปิดตัวแล้วเงียบหาย ไร้วี่แววว่าจะได้รับการยอมรับ ไม่ต่างจากพรรคอื่นที่ตั้งกันมามากมายแต่ไม่มีพรรคไหนชื่อติดติ่งหูประชาชน

กระทั่ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดตัวขึ้นมานำ “พรรคพลังประชารัฐ” ดูอดีต ส.ส.จากเพื่อไทย

ความคึกคักจึงเกิดขึ้น และสร้างความกังวลให้กับ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ขึ้นมาบ้าง

ความน่าสนใจอยู่ที่ ปฏิบัติการโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ความหวังในชัยชนะการเลือกตั้ง” นั้น ไม่เคยมีอยู่ที่ “มวลชน” ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่เป็น “ความหวัง” ที่เกิดจากการแตกตัวไปตาม “พลังดูด” ที่เคยอยู่กับ “รัฐบาลจากการเลือกตั้ง” เอง

เป็นพลังที่ก่อนหน้านั้นเรียกกันว่า “ระบบทักษิณ”

ชัยชนะของ “ผู้สนับสนุน คสช.” จำเป็นต้องใช้ “พลังของระบอบทักษิณ” ที่พอจะดูดไปได้

นี่คือ “ความเป็นไปทางการเมือง” ที่ยากปฏิเสธ

การ์ตอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image