ทีจีเยียวยา 300 ผู้โดยสาร ดีดีชี้เหตุสื่อสารบกพร่อง สหภาพซัดขาดภาวะผู้นำ

กรณีเหตุการณ์เครื่องบินทีจี 971 เดินทางจากซูริกไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุเครื่องบินล่าช้ากว่า 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีนักบินจากซูริกที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบินลำดังกล่าวขอร่วมเดินทางกลับกรุงเทพฯ ต้องการนั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสตามสิทธิที่เคยได้รับ แต่ชั้นดังกล่าวมีผู้โดยสารจองที่นั่งเต็ม เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารคนไทย 2 คน ต้องยอมสละที่นั่งย้ายไปนั่งชั้นบิซิเนสแทนแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทย (สร.กบท.) เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า หลังจากนี้จะมีการหารือกับฝ่ายบริหารของการบินไทย เพื่อวางแนวทางปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เนื่องจากมีขนาดใหญ่โตเกินไป แต่เป็นลักษณะหัวใหญ่ หางลีบ ต้องทำการลดหน่วยงานที่ทำหน้าที่ทับซ้อนกัน ซึ่งมีหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้หมายรวมถึงการปรับลดพนักงาน ซึ่งต้องมาหารือร่วมกัน เพื่อลงรายละเอียดทั้งหมด ในส่วนของการปรับลดสิทธินักบิน เบื้องต้นคาดว่ายังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากสิทธิของพนักงานการบินไทยมีเหมือนกับสายการบินอื่น ไม่ได้มีสิทธิพิเศษมากอย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งมีบางส่วนได้น้อยกว่าสายการบินอื่นด้วยซ้ำ

นายดำรงค์กล่าวว่า เรื่องการสิทธิตั๋วบินฟรี หรือการมีสิทธินั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาส มองว่าเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงานที่ทำงานให้กับองค์กร เพื่อให้จงรักภักดีกับองค์กรนั้นๆ ซึ่งตั๋วบินฟรีที่ให้แก่พนักงานการบินไทย ต้องจองตั๋วเหมือนผู้โดยสารทั่วไป หากมีที่นั่งว่างก็ได้บิน แต่หากไม่มีก็ต้องรอไปก่อน ที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสของนักบินก็เช่นกัน หากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ทำการขึ้นบิน ก็ต้องทำการจองที่นั่งเหมือนผู้โดยสารปกติ รวมถึงการต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าภาษีสนามบิน ไม่นับรวมตั๋วลดราคา 10-25% และพนักงานเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหากมองภาพรวมแล้วพนักงานการบินไทยก็ไม่ได้สิทธิพิเศษมากมายเกินกว่าสายการบินอื่นเลย

นายดำรงค์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เบื้องต้นในวันนี้ได้มีการเรียกคณะนักบินและพนักงานภาคพื้นดินที่ซูริก เพื่อทำการสอบสวนถึงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดขึ้นจากสาเหตุใด โดยประเด็นที่สหภาพถามทางฝ่ายบริหารการบินไทย ก็เป็นเรื่องสาเหตุของการให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินต้องรอนานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการบินไทยเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ต้องมีการประชุมหารือกับฝ่ายบริหารของการบินไทยต่อไป แต่เบื้องต้นต้องรอผลการสอบสวนสาเหตุข้อเท็จจริงออกมาก่อน ซึ่งประธานของการบินไทยได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ต้องทราบถึงสาเหตุและต้นต่อของปัญหาดังกล่าว

Advertisement

รับเป็นปัญหาองค์กรต้องแก้ไข

“ตามระเบียบการบินไทยให้สิทธิที่นั่งนักบินชั้นเฟิร์สต์คลาสกับนักบินที่โดยสารเครื่องบินเดินทาง ไม่ได้ให้เฉพาะนักบินที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ซึ่งหากนักบินต้องการเดินทางเป็นผู้โดยสารธรรมดาก็ต้องรอที่นั่งว่างจึงจะได้นั่ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากข้อมูลพบว่า ผู้โดยสารได้จองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ตมาแล้ว แต่มีคณะนักบินที่ต้องการเดินทางกลับไทย ซึ่งถือว่าอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นนักบิน โดยหากเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นทั่วโลกถือว่าทำเหมือนกันหมด เนื่องจากนักบินต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นบิน แต่ในกรณีนี้คณะนักบินเพียงเดินทางกลับเท่านั้น จึงไม่ต้องมีเวลาพักผ่อนมากเท่านักบินที่ต้องขึ้นบินเลย รวมถึงโดยปกติแล้วจะมีการให้เวลานักบินพักผ่อนก่อนขึ้นบินครั้งต่อไปเป็นเวลา 24 ชั่วโมงอีกด้วย” นายดำรงค์กล่าว และว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ สหภาพได้หารือกันภายใน

เบื้องต้นประเมินว่าปัญหาเกิดจากบุคคลในองค์กรซึ่งต้องหาทางแก้ไขอีกครั้ง ทั้งนี้ ในสหภาพมีสมาชิกที่เป็นนักบินอยู่ประมาณ 200-300 คน ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการที่นักบินรักษาสิทธิของตนเอง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ก็ยังถือเป็นส่วนน้อยของจำนวนนักบิน 1,200 คน ที่อยู่ในการบินไทย โดยในขณะนี้ยังไม่มีการหารือเพื่อหามาตรการเยียวยาผู้โดยสารทั้ง 2 คนที่ต้องเสียสละที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสให้กับคณะนักบิน เพื่อให้เครื่องบินสามารถขึ้นบินได้ แต่เบื้องต้นได้มีการดูแลผู้โดยสาร 2 คนในระหว่างการเดินทางกลับบนเครื่องบินเป็นพิเศษแล้ว

“เรื่องที่เกิดขึ้นถามว่านักบินสามารถทำได้ไหม ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิที่พึงมี แต่ในตอนนั้นควรทำหรือไม่ เพราะนักบินควรมีภาวะผู้นำมากกว่านี้ ควรต้องนึกถึงผู้โดยสารที่สร้างรายยได้ให้กับองค์กรมากกว่าสิทธิของตนเอง ซึ่งข่าวนี้ไม่ได้ออกเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ในต่างประเทศก็เล่นข่าวนี้กัน ซึ่งถ้ามองเรื่องสิทธินักบินก็ทำได้ แต่ถามว่ามันต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะถ้าเป็นตนเอง ตนเองจะยอมอ่อนให้ผู้โดยสาร เพราะอย่างที่บอกว่าผู้โดยสารซื้อตั๋วมาแล้ว เอาเงินให้องค์กรไปแล้ว และเงินที่ได้ก็กลับมาเป็นเงินเดือนของนักบินเอง” นายดำรงค์กล่าว

Advertisement

‘สุเมธ’ ชี้ปัญหาวัฒนธรรมองค์กร

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ตนและผู้บริหารของการบินไทยอีก 2 คน ได้เชิญนายสถานี (เคเค) ซูริกมาพูดคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อสอบถามถึงปัญหาเที่ยวบิน TG 971 ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่การสอบสวน เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากพูดคุยกัน ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับ วิธีคิดและวิธีทำงานของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนายสถานีซูริก ทั้งนักบินเที่ยวบิน TG 971 รวมถึงรู้ว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากอะไร เบื้องต้นจะใช้เวลาสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณณ์ดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์ โดยต้นสัปดาห์หน้าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะเสนอผลสอบมายังฝ่ายบริหาร หากพบว่ามีบุคคลที่กระทำความผิดก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบวินัยต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รู้แล้วว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เป็นปัญหาที่ระบบ ความคิด ซึ่งเป็นปัญหาที่ถือเป็นรากเหง้าของการบินไทยมีทั้งดีและไม่ดี ต้องสร้างแนวคิดใหม่ให้เหมือนกัน

ปมช่องว่างการสื่อสาร

นายสุเมธกล่าวว่า หลังจากหารือเคเคซูริกและนักบิน ก็พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีการปฏิบัติตามกฎของตนเอง นักบินก็ปฏิบัติตามกฎของนักบิน นายสถานีก็ทำตามกฎของนายสถานี ทุกคนทำตามกฎโดยที่ไม่ได้คุยกัน ซึ่งหนึ่งในปัญหาสำคัญคือกฎของทั้ง 2 ฝ่ายมีช่องว่าง และการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากช่องว่างดังกล่าวไม่เหมาะสม จนเกิดปัญหาขึ้นกับผู้โดยสารและกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมา จึงอยากนำมาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในองค์กร ต่อจากนี้ก็ต้องยึดหลักการเดียวกัน ผู้โดยสารต้องมาเป็นอันดับ 1 ภายใต้กฎเกณฑ์เรื่องความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า

“กรณีมีผู้มองว่าปัญหาที่เกิดกับเที่ยวบินที่ TG 971 มีการนำผู้โดยสารเป็นตัวประกันจนทำให้เครื่องบินออกเดินทางล่าช้าไป 2 ชั่วโมงนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากไม่ใช่เจตนาของคนหน้างานและไม่ใช่การเล่นเกม โดยคาดว่าความล่าช้าไม่ได้เกิดจากการสื่อสารผิดพลาด แต่เกิดจากการไม่สื่อสารกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งนักบินและนายสถานีไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากันมาก่อน แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับการบินไทยที่เดียว แต่เป็นกันทุกที่ โดยปัญหาดังกล่าวจะเกิดจากตัวบุคคลหรือไม่อย่างไร ยังต้องรอผลสอบสวนอีกครั้ง” นายสุเมธกล่าว

เยียวยา2ผู้โดยสารแลกที่นั่ง

นายสุเมธกล่าวว่า หลังจากเที่ยวบินดังกล่าวเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ทำการขอโทษและชดเชยเยียวยาให้กับผู้โดยสารทั้ง 2 คน ที่ยอมแลกที่นั่งให้เป็นพิเศษแล้ว ส่วนจะมีการเยียวยาเพิ่มเติมหรือไม่ คงต้องรอให้มีการพิจารณาต่อไป แต่เบื้องต้นการเยียวยามีหลายอย่าง อาทิ การเพิ่มไมล์สะสม หรือการดูแลเป็นพิเศษในครั้งถัดไป โดยนอกจากนี้จะทำการชดเชยผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องบินทั้งลำตามความสมควรอีกด้วย สำหรับกรณีที่มีการตั้งคำถามถึงสิทธิประโยชน์ของพนักงาน คิดว่าไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น และสิ่งที่ควรนึกถึงเป็นอันดับแรกในการแก้ไขปัญหาในตอนนี้คือ การบินไทยกำลังขาดทุนและพนักงานไม่ได้โบนัสมา 10 ปีแล้ว โดยประเด็นหลักต้องแก้ไขเรื่องการด้อยค่าของทรัพย์สิน อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และแก้ปัญหาการขาดทุนของไทยสมายล์ หากทำได้ทั้งหมดจะทำให้การบินไทยมีผลประกอบการเป็นบวก

“เหตุการ์ที่เกิดขึ้นทำให้การทำงานที่วางไว้ทำได้ยากมากขึ้น จึงยอมรับว่าสร้างความโมโหให้เหมือนกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้การขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูที่ต้องส่งให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาภายในระยะเวลา 1 เดือน เป็นไปได้ยากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เข้ามาให้ได้ และต้องแก้ให้ได้ดีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ได้หลายครั้งแล้ว และในครั้งนี้อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน เพื่อจะได้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้โดยไม่ตาย ถึงแม้อาจจะมีสะเก็ดแผลบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ถือเป็นหลักฐานในการผ่านสงครามมาได้” นายสุเมธกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image