หลังจากที่ทนาย อัจฉริยะ หัวหน้าชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้แถลงออกตัวพร้อมให้ความช่วยเหลือ ‘อาม ชุติมา’ ให้พ้นจากสัญญาทาสของ ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ต้นสังกัดทางกฎหมายของนักร้องสาว (อ่านข่าว‘ทนายอัจฉริยะ’ งัดหลักฐานแฉ! แจงขอช่วย ‘อาม ชุติมา’ ให้พ้นสัญญาทาส) ทั้งยังพาดพิงถึงประจักษ์ชัยว่า สัญญาจ้างงานและแบ่งผลประโยชน์นั้นค่อนข้างเอาเปรียบอาม ชุติมา ทั้งยังพูดทิ้งท้ายทำนองว่าเรื่องนี้อาจถึงอำนาจ
ซึ่งมติชนออนไลน์ติดต่อไปยังประจักษ์ชัย ไหทองคำ ให้ชี้แจงกลับกรณีดังกล่าว ซึ่งประจักษ์ชัยก็ได้เปิดใจมาว่า
“ในเรื่องของการซื้อเพลงเรียกว่าโอนลิขสิทธิ์เพลงนะครับ โอนสิทธิ์ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย สิทธิ์ก็โอนไปโดยชอบธรรม”
เท่ากับ สิทธิ์เพลงนั้นถูกโอนไปโดยชอบธรรมเรียบร้อยแล้ว
“แต่ที่ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัวอามไม่ใช่เพราะลิขสิทธิ์ในตัวเพลงนะ แต่เป็นลิขสิทธิ์ในตัวศิลปิน เพราะสัญญาก่อนจะทำเพลงเขาเซ็นสัญญามาเป็นศิลปินในค่ายผมแล้ว ”
เพราะฉะนั้นในสัญญาที่ยังเหลืออยู่ 2 ปี 7 เดือน ตนจึงยังมีสิทธิ์ในตัวบุคคลศิลปินในสังกัดอย่างชอบธรรมอยู่แล้ว
“ขอบอกว่ามันไม่ใช่สัญญาทาสนะครับ เพราะค่ายอื่นเขาก็ต้องเซ็นกันแบบนี้ ผมถือว่าง่ายที่สุด อะลุ่มอล่วยที่สุดแล้ว ”
“ถ้าคุณอยู่ต่อไปก็อีก 2 ปี 7 เดือน แค่นั้นเอง”
“อย่างที่มีคนบอกว่าคนรอบตัวเขาไม่ยินยอมไม่ได้นะ เพราะว่าเซ็นเป็นพยานไปแล้ว พยานแปลว่ายินยอมและรับรู้นะ ”
ส่วนข้อตกลงผลตอบแทน นายจ้างได้ 70% อามได้ 30% ก็ถูกพาดพิงว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงนั้น ตนขอชี้แจงว่า
“เป็นไปตามที่ตกลง น้องไม่ได้เห็นว่าเรามีค่าใช้จ่าย ตอนที่น้องมาน้องก็ไม่ได้เอาเงินมาวัดกัน น้องเอามาข้างหน้า แม้แต่รองเท้าคู่แรกก็ยังไม่มี”
“ถามว่ามาเรียกร้อง 30% 70% ตรงไหนในเมื่อมันยังไม่เกิดรายได้ขึ้นมา มันเป็นอนาคตว่าเราจะไปค้าขายด้วยกัน ถ้ามีผลกำไรจะแบ่งปันตามสัดส่วน ตอนที่ผมลงทุนไปน้องไม่ได้ออกมาเต็ม100 แล้วมาแบ่ง มันมีค่าใช้จ่าย แต่ว่าน้องมาแต่ตัวเท่านั้นเอง ”
“แล้วพอดังก็มาบอกว่าฉันไม่ได้ 70% 30% จะบอกว่าช่วงการลงทุนมันยังไม่ได้เกิดความตอบโจทย์”
มาแล้วแจ้งว่าได้ค่าตัวไม่เท่าอีกคนที่โด่งดัง มันไม่ใช่ จึงขอเรียกการกระทำนี่ว่าเป็นเหตุผลของการอยากออกจากบริษัท
“ถ้าคุณบอกว่าไม่ยุติธรรมก็หาเหตุผลมาสิ”
หากเรื่องนี้จะขยายไปถึงอำนาจศาลตนก็ไม่วิตกแต่อย่างใด
“ไม่กังวลครับ ผมมั่นใจ”
“ว่าสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว”
