ไม่ว่าสโลแกนที่ว่า “รับเงินหมา กาเพื่อไทย” ไม่ว่าความพยายามที่จะแก้ไขใหม่โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในการปราศรัยต่อพี่น้อง ประชาชนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ว่า
“รับเงินมา กาเพื่อไทย”
ไม่เพียงสะท้อนความเป็นจริงอันเคยเกิดขึ้นในห้วงแห่งการ เลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 หากที่สำคัญยังเป็นเครื่องยืนยันว่าพฤติการณ์อย่างที่เคยเกิดในอดีตมิได้หายไปไหน
รูปธรรม 1 คือ บรรยากาศแห่งการแจกเงิน บรรยากาศแห่งการสร้างความได้เปรียบในทางการเมือง รูปธรรม 1 คือ บรรยากาศแห่งการหาเสียงสร้างคะแนนนิยม สะท้อนการต่อสู้ทางการเมืองที่คึกคัก เข้มข้นเป็นลำดับ
ถามว่ามีการใช้เงินในการหาเสียงเพื่อสร้างคะแนนและความนิยม หรือไม่
ตอบได้เลยว่ามี
มิเช่นนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งคงไม่กำหนดกรอบการใช้เงินของแต่ละพรรคการเมือง ของแต่ละผู้สมัครในจำนวน 350 เขตทั่วประเทศ
มิเช่นนั้น คงไม่มีการจัดโต๊ะจีนระดมเงินมากกว่า 600 ล้านบาทของพรรคพลังประชารัฐ คงไม่มีการจัดโต๊ะจีนระดมเงินมากกว่า 200 ล้านบาทของพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เพราะว่าปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนทางการเมืองของแต่ละพรรคของแต่ละนักการเมืองสัมพันธ์กับ “เงิน”
ขณะเดียวกัน มีบางพรรคที่แอบอิงอยู่กับอำนาจรัฐ แอบอิงอยู่กับนโยบายบางส่วนของรัฐบาลจากสถานะที่เคยร่วมอยู่ในครม.ก็สามารถแปรงบประมาณแผ่นดินมาเป็นฐานในการสร้างคะ แนนและความนิยม
ตรงนี้เองคือที่มาของสโลแกน”รับเงินมา กาเพื่อไทย”
บทเรียนสำคัญจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 จากการเปิดเผยของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิ ปัตย์ก็คือ
พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินมากกว่าพรรคอื่น
แต่พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคภูมิใจไทยอันเป็นพันธมิตรกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย
จึงเป็นที่มาของ “รับเงินหมา กาเพื่อไทย”