“น้องแมว” ยิ้มออกไม่ต้องไปทุ่ง ได้ “ห้องน้ำ” ใหม่ หลังกู้ภัยอุทัยฯ หาทุนสร้างให้จนสำเร็จ

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี ด.ญ.กัลย์สุดา ชูช่วย หรือน้องแมว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนตลุกดู่วิทยาคม ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เขียนจดหมายขอความช่วยเหลือผ่านทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงผู้ใหญ่ใจดี ระบุว่าครอบครัวยากจน อยากได้ห้องน้ำเอาไว้ทำธุระส่วนตัว เนื่องจากทุกวันนี้พ่อและตนต้องออกไปขับถ่ายกลางทุ่งนา อีกทั้งพ่อไม่มีงานทำ มีแต่เงินเดือนผู้สูงอายุ 600 บาทต่อเดือน และอาศัยจับปลา กบ อึ่ง กินและขายเป็นรายได้ ส่วนแม่เมื่อคลอดตนแล้วทิ้งให้อยู่กับพ่อ ว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี ได้ลงพื้นที่สำรวจบ้านของ ด.ญ.กัลย์สุดา

โดยเมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 3 หมู่บ้านหัวดงยาว ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี พบ ด.ญ.กัลย์สุดา กับ นายสำเริง ชูช่วย หรือ ลุงอิน อายุ 66 ปี ผู้เป็นพ่อ โดยพบว่าทั้ง 2 คน อยู่กันด้วยความลำบากตามที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นจริง จึงได้ออกมาขอรับบริจาคจากประชาชนในการร่วมกันช่วยเหลือเด็กหญิงรายดังกล่าวผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ซึ่งได้ทั้งเงินบริจาค ตลอดจนสิ่งของและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ในการก่อสร้างห้องน้ำ ทั้งนี้ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี ได้ร่วมกันลงแรงทำการก่อสร้างห้องน้ำให้น้องแมวจนสำเร็จ และทำการส่งมอบห้องน้ำมูลค่า 2 หมื่นบาท ให้กับครอบครัวน้องแมว พร้อมชุดเครื่องนอนและของใช้ต่างๆ สร้างความดีใจให้กับทั้ง 2 คน พ่อลูกเป็นอย่างมาก

Advertisement

ด้านทางนายอนุชา พัสถาน นายอำเภอทัพทัน กล่าวว่า ได้รวบรวมเงินที่ได้จากการร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่อำเภอ รวมเป็นเงิน 5,000 บาท มอบให้กับครอบครัวของน้องแมว เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา เนื่องจากน้องแมวนั้นเป็นเด็กเรียนดี มีความประพฤดี และขยันอีกด้วย จากนั้นทางอำเภอทัพทัน จะบูรณาการร่วมกับ เทศบาลตำบลตลุกดู่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำการซ่อมแซมบ้านให้กับครอบครัวของน้องแมว เนื่องจากสภาพบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้น มีสภาพผุพังและทรุดโทรมอย่างหนัก จนแทบไม่สามารถอยู่อาศัยได้

“เนื่องจากบ้านนั้นก่อสร้างด้วยไม้ตาล ตีฝาบ้านด้วยซี่ไม้ไผ่ และคลุมทับด้วยผ้ายางสีดำ เพื่อกันลมแดดและฝน แต่ด้วยทุกส่วนของบ้านนั้นอยู่ในสภาพที่ผุพังทั้งหมด โดยในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้ง 2 คน ต้องใช้ร่มกางทับมุ้งนอนอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนนั้นหยดลงมาใส่ ซึ่งหากปล่อยไว้นานกว่านี้ หากมีลมพายุพัดในพื้นที่รุนแรง เสี่ยงที่ทำให้บ้านนั้นล้มพังลงมาได้ และเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก” นายอนุชา กล่าวและว่า เบื้องต้น ทางสำนักงานพัฒนาชุมชน ได้มอบเงิน จำนวน 20,000 บาท ในการช่วยทำการซ่อมแซมบ้าน ด้านเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลตลุกดู่ ได้ลงพื้นที่เข้ามาทำการรังวัดพื้นที่ในการซ่อมแซมบ้านแล้ว

Advertisement

นายสำเริง เปิดเผยว่า ดีใจมากที่ลูกสาวได้มีห้องน้ำใช้เหมือนคนอื่น ที่ผ่านมาสงสารลูกมาก แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีกำลังพอที่จะทำให้ลูกได้ และด้วยอายุที่มากขึ้นจึงทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว มีเพียงเงินจากเบี้ยผู้สูงอายุเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะยังชีพได้ในแต่ละเดือน

“ก็ได้แต่บอกกับลูกเสมอว่า อดทนนะลูก ตั้งใจเรียน เรียนให้สูงๆ จะได้ไม่ลำบาก ตอนนี้สิ่งที่ห่วงก็คือบ้านที่ผุพังทั้งหลัง และที่ห่วงที่สุดคือ อนาคตของลูกสาว” นายสำเริง กล่าวและว่า นอกจากนี้อยากได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อมาไว้ใช้รูดซื้อของกินใช้ในครอบครัวด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image