ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังยืนกรานในจุดแข็งที่ “รัฐธรรมนูญได้ผ่านประชามติ” และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระบุอย่างหนักแน่นจริงจัง
“กำลังแก้ปัญหาน้ำท่วมอยู่ ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ”
พรรคประชาธิปัตย์ก็เพิ่งผ่านมติเห็นชอบให้เสนออนุมัติเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรคชาติไทยพัฒนาก็ผ่านมติแบบเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่ามติของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่ามติของพรรคชาติไทยพัฒนา สอดรับกับญัตติก่อนหน้านี้ของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นต่อสภา
ปรากฏการณ์เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ทาง 1 เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา มีความเห็นต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทาง 1 ก็คล้อยตามทิศทางของ “ฝ่ายค้าน”
ในความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ดำเนินการอยู่ในกรอบอันชอบด้วยเหตุผลอย่างสมบูรณ์
เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายของรัฐบาล
คงจำได้ว่าก่อนการตกลงจะขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์มีเงื่อนไขให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในที่สุด การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
รูปธรรมอันเด่นชัดก็คือ ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อ่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา จึงมีเหตุผล
และที่สำคัญ เหตุผลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเหตุผลในลักษณะจำเพาะของพรรคประชาธิปัตย์หากแต่ยังเป็นเหตุผลในการอนุวัตตามนโยบายของรัฐบาล
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จึงไม่ผิด
หากจะถือเป็นปัญหา หากจะถือเป็นประเด็น ก็คือ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันมีการตีความวลีที่ว่า “นโยบายเร่งด่วน” ผิดกัน
นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ตีความอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมพลังประชาชาติไทย ตีความไปอีกอย่างหนึ่ง
จึงมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้เป็นเอกภาพ
คำถามก็คือ อะไรคือกรอบ อะไรคือนิยามอย่างแท้จริงของ “นโยบายเร่งด่วน” เป็นภายในกำหนด 1 ปี หรือว่าไม่มีกรอบ ไม่มีเวลาที่แน่นอน
คำถามนี้ย่อมมาจาก “ประชาชน”
พลันที่รัฐบาลบรรจุและถือว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วน นั่นหมายถึง ข้อผูกมัด นั่นคือคำมั่น
เป็นคำมั่นในลักษณะ “สัญญาประชาคม”
นับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม เป็นต้นมา ประเด็นว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญย่อมอยู่ในความสนใจ ของสังคมโดยรวม
คำถามก็คือ รัฐบาลจะ “ปฏิบัติ” อย่างไร