นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการเอ็นบีทีซี-ไอทียู-เอ็นไอเอ เซ็นเตอร์ ออฟ เอ็กเซลเลนท์ 2019 ว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ร่วมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งชาติเกาหลี จัดงานสัมมนาเพื่อการพัฒนาบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในประเด็นสำคัญ อาทิ 1.การใช้ประโยชน์จากเอไอ 2.ปัญญาอุปสรรค จากการนำเอไอไปใช้งาน
นายฐากร กล่าวว่า การจัดสัมมนานี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะจะช่วยผลักดันการขับเคลื่อน 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง 5G จะมีความเกี่ยวเนื่องกับทั้งเอไอและอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) และหาก 5G ไม่เกิดขึ้นเอไอและไอโอทีก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงต้องมีจัดสัมมนาทั้งสองเรื่องควบคู่กัน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อน 5G ให้เกิดขึ้นตามกรอบเวลาที่วางไว้
“สาเหตุที่ต้องผลักดันการขับเคลื่อน 5G ให้เป็นวาระแห่งชาติ และมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G ระดับชาติ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นั้น เนื่องจากหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย มีความพยายามผลักดันการขับเคลื่อน 5G โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G ระดับชาติเช่นกัน จึงไม่อยากให้เรื่องนี้ล่าช้า ซึ่งไทยจะเกิดความเสียเปรียบ” นายฐากร กล่าว
นายฐากร กล่าวว่า 5G จะแตกต่างจากระบบ 3G และ 4G ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยภาคโทรคมนาคมจะได้รับประโยชน์เพียง 20% ส่วนอีก 80% จะเกิดประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น โลจิสติกส์, การเกษตร, การคมนาคม, ภาคการศึกษา, อุตสาหกรรมการผลิต และสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และดึงเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้จำนวนมาก
“คาดว่า การประมูลคลื่นความถี่ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นจัดการประมูลล่วงหน้า ในรูปแบบการประมูลหลายย่านความถี่พร้อมกัน (มัลติแบนด์) ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 700, 2600 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่นความถี่ย่าน 26-28 กิกะเฮิรตซ์ ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 1800, 3500 เมกะเฮิรตซ์ จะจัดการประมูลลำดับถัดไป” นายฐากร กล่าว
“ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะต้องได้ข้อสรุปการจัดสรรคลื่นความถี่ทั้งหมด โดยการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ จากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ส่วนคลื่นความถี่ย่าน 3500 เมกะเฮิรตซ์ ที่ปัจจุบันอยู่ในการถือครองของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการในดาวเทียมไทยคม 5 จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 11 กันยายน 2564 ทำให้คลื่นความถี่จะพร้อมใช้งานได้หลังจากนั้น และไทยคม จะต้องย้ายไปใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 3700-4200 เมกะเฮิรตซ์แทน เพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ” นายฐากร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการเอ็นบีทีซี-ไอทียู-เอ็นไอเอ เซ็นเตอร์ ออฟ เอ็กเซลเลนท์ 2019 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 กันยายน 2562 โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อีกทั้ง มีวิทยากรให้องค์ความรู้ด้านเอไอ จากองค์กรชั้นนำและมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก