เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก วิจารณ์การลาออกของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต่อ กรรมาธิการงบประมาณปี 2563 โดยระบุว่า
ความจริงเรื่องการลาออก
“ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นผมในสภา ผมก็ไม่ขออยู่ในสภา ผมจึงขอกลับไปอยู่กับประชาชน”
ผมคิดว่าการลาออกจากกรรมาธิการงบประมาณทุกตำแหน่ง มันคือการสะท้อนว่า ไม่รับผิดชอบต่อการแต่งตั้งของตัวแทนประชาชน ทั้งๆที่ตนเองเสนอขอเป็นเอง
สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ การทำงานกรรมาธิการงบประมาณนั้น ถือว่างานค่อนข้างหนัก และต้องทำการบ้านเรื่องข้อมูล จะมานำเสนอมั่วๆไม่ได้ ที่สำคัญคืออีกไม่นานกรรมาธิการชุดนี้ก็หมดวาระอยู่แล้ว
การที่จะมาอ้างว่าในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นผมในสภา ผมจึงขอกลับไปอยู่กับประชาชน จึงเป็นการอ้างแบบ ให้ดูดี แต่แท้จริงแล้ว คุณลาออกเอง เพราะไม่สามารถรับภาระกับงานที่หนักได้เท่านั้น
และที่สำคัญรู้ตัวเองว่า ยังมีอีกหลายคดีรออยู่ จึงเอามาเป็นเงื่อนไขว่าถูกรังแก เพื่อปลุกคนลงถนน
ส่วนการที่ไม่ได้เป็นส.ส. ก็เพราะทำผิดกฏหมายเลือกตั้งและถูกศาลตัดสิน ไม่มีใครมากลั่นแกล้งทั้งสิ้น แต่เอามาพูดเพื่อปลุกระดม
ลองคิดดูว่า การชอบอ้างประชาธิปไตย แต่ทำผิดไม่ยอมรับผิด เท่ากับว่ากำลังใช้อภิสิทธิ์เหนือประชาชน
ต้องรู้ทันพวกชังชาติ บนพื้นฐานความจริง
ปราบลัทธิชังชาติ
ต่อมา อ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความ ตอบโต้ ระบุว่า
หมอวรงค์กล้าดียังไงครับ มาบอกว่า “ความจริงเรื่องการลาออก” คุณยังไม่รู้จักธนาธรและพวกเราเลยด้วยซ้ำ
ธนาธรไม่เคยถอยจากงานหนัก เขาทำงานหนักระดับมอนสเตอร์ตลอดในสิ่งที่มีคุณค่าและคุ้มจะลงทุน การตัดสินใจเรื่องกมธ. เป็นเรื่องธรรมาดาที่เราจะเปลี่ยนตัวกันในการทำงานครับ เมื่อเห็นว่าใครเหมาะจะทำอะไรในช่วงไหน
ส่วนเรื่องคดีนััน ผมก็โดนคดีหุ้นสื่อจากการเปิดสถานเลี้ยงเด็ก ถ้าผมถูกตัดสิทธิ์ส.ส. และผมไม่เห็นด้วยกับศาล ผมจะกลายเป็นคนชังชาติแบบที่หมอกล่าวหาหรือไม่ ผมคิดว่าไม่นะครับ ที่วิจารณ์และตรวจสอบไม่ได้ต่างหาก อาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้อย่างร้ายกาจ
การใช้กฏหมายเพื่อการโจมตีทางการเมืองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เคยเกิดแล้วกับผู้นำประเทศทั่วโลก ทั้งเนลสัน แมนเดลา อองซานซูจี และอีกมากมาย
หมอใช้ชุดความคิดจอมปลอมนี้ หลอกคนได้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ
