ก่อนรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 นั้นประเทศไทยได้สร้างความตะลึงพรึงเพริดแก่ผู้คนทั่วโลกอยู่เรื่องหนึ่ง
นั่นคือ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้สถานะหรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองและของผู้อื่นในกรณีที่ย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี
พ้นจากตำแหน่ง “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ให้ไปเป็น “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
แทบไม่น่าเชื่อว่าการย้าย “ข้าราชการประจำ” 1 คนในวันนั้นจะส่งผลให้ “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งเป็น “ประมุขฝ่ายบริหาร” ในระบอบประชาธิปไตยต้องถึงกับร่วงจากเก้าอี้
ไม่เพียงแค่นั้นบรรดา “รัฐมนตรี” ที่มีส่วนร่วมมีมติ ครม.ในเรื่องเดียวกันก็ถูก “คำวินิจฉัย” ให้ร่วงจากเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งหมด
อึดใจต่อมาก็เกิด “รัฐประหาร 22 พ.ค.2557”
“คสช.” อ้างว่าการบริหารราชการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย ไม่รู้รักสามัคคี, ข้าราชการถูกรังแก, มีการกระทำหมิ่นเหม่พระบรมเดชานุภาพบ่อยครั้ง ดังได้เห็นจากการดำเนินคดีมาตรา 112 จำนวนมาก และมีการคอร์รัปชั่นจากโครงการรับจำนำข้าว
ผ่านไปเกือบครบ 7 ปี ในวันนี้ทุกเรื่องที่เคยใช้เป็น “ข้ออ้าง” รัฐประหารยังคงมีครบ !
แม้แต่ “เสรี วงษ์มณฑา” ที่เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ยังถึงกับถอดใจกล่าวเปิดอกว่า “บอกตรงๆ ตอนนี้หมดแรงสนับสนุนรัฐบาล รัฐมนตรีบางคนมีวาระซ่อนเร้นมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าทรัพย์สินหรือคะแนนเสียง บางคนก็โง่ทำงานไม่เป็น ทำหน้าที่ไม่ตรงความสามารถ หย่อนยานการใช้กฎหมาย ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ปล่อยคนผิดลอยนวลหลายเรื่อง”
ในยุคที่ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้แปลงโฉมจาก “หัวหน้า คสช.” มาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ภายใต้การสนับ
สนุนของพรรคพลังประชารัฐซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคนี้ มีการก้าวก่ายแทรก
แซงการแต่งตั้ง โยกย้าย หรือโอนข้าราชการกันอย่างอุกอาจ คึกคัก อลหม่าน และหนักหน่วงที่สุด
มีการทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างกว้าง ดาษดื่น แต่บอกว่า ยืมมา หรือคืนเพื่อนไปแล้ว มีการนำแรงงานเถื่อนลักลอบเข้าประเทศอย่างเป็นขบวนการ มีบ่อนการพนันเหมือนดอกเห็ด มีการกินเงินทอนทุกด้านทุกระบบ
มีแต่เพื่อนพ้องพี่น้องกัน
และกำลังฉาวโฉ่ล่าสุดก็คือ “โซลาร์เซลล์อมก๋อย” ที่ใช้งบกว่า 45 ล้าน
ภายใต้การนำของ “ประยุทธ์” ถึงจุดต่ำสุดแล้ว !?!!
