‘ธรรมนัส’ ยกมือไหว้ขอโทษ ‘บิ๊กตู่’ ด้าน 3ป. เคลียร์ศึก พปชร. ‘ต้องอยู่ด้วยกัน ไปก็ไปด้วยกัน’

‘ธรรมนัส’ ยกมือไหว้ขอโทษ ‘บิ๊กตู่’ ด้าน 3ป. เคลียร์ศึก พปชร. ‘ต้องอยู่ด้วยกัน ไปก็ไปด้วยกัน’ จับตา ‘ธรรมนัสเอฟเฟ็กต์’ หลังเคลื่อนไหวแรง

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ใช้เวลาพูดคุยกับ ส.ส.เพียง 9 นาที โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำพรรค พปชร.บางคนจะไปคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงกระแสข่าว 3 ป.แตกคอกันว่า “ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง ขอให้ทุกคนรัก สามัคคีกัน ถ้าจะทะเลาะกันก็ให้นิดหน่อย อย่าวุ่นวาย เราต้องรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว”

จากนั้น พล.อ.ประวิตรถาม ส.ส.ว่าใครอยากจะถามทำอะไรหรือไม่ เพราะอยากตอบ ถามมาได้เลยแต่ไม่มีใครได้ถาม จนต้องถามย้ำอีกครั้งว่าใครจะพูดอะไรหรือไม่ แต่ทุกคนเงียบ พล.อ.ประวิตรจึงจี้ถาม ส.ส.ภาคใต้คนหนึ่งว่าจะถามอะไรว่ามา โดย ส.ส.คนดังกล่าวได้ถามว่า วันที่ 4 กันยายนนี้จะต้องโหวตอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยเสียงขึงขังว่าให้เป็นไปตามที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา คือให้โหวตไปในทิศทางเดียวกันทุกคน และยืนยันกับ ส.ส.ว่า “ไม่ต้องการเป็นนายกฯ นายกฯไป ผมก็ไป” ทั้งนี้ท้ายการประชุม พล.อ.ประวิตรพูดถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการตัดสินใจสนับสนุนให้มีการแก้ไขบัตรเลือกตั้งสองใบว่า “จบแล้ว เราชนะ เราได้เปรียบ”

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังการประชุม ส.ส.พรรค พปชร.เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตรได้เดินทางออกจากรัฐสภาในเวลา 13.35 น. ไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางออกไปสมทบในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่มี พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค พปชร.ส่วนหนึ่งรออยู่ โดยก่อนจะมีการพูดคุย ได้สั่งให้ ส.ส.ทุกคนเก็บโทรศัพท์มือถือทั้งหมดก่อนพูดคุย

Advertisement

โดย ร.อ.ธรรมนัสได้ยกมือไหว้ขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมระบุว่า “ถ้าทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจผมขอโทษ” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยกมือรับไหว้ตามมารยาท ก่อนที่ ร.อ.ธรรมนัสจะชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลือทั้งหมด นักข่าวไปเขียนกันเอง ไม่รู้เรื่อง เป็นเฟคนิวส์ และชี้แจงว่าที่เชิญท่านมาเพราะอยากขอความมั่นใจว่านายกฯจะดูแลและจะทำงานร่วมกับพวกเรา ส.ส.และพรรค พปชร.อย่างไร มาขอความมั่นใจ พล.อ.ประยุทธ์จึงตอบกลับว่า มีอะไรที่เราต้องดูแลบ้าง ร.อ.ธรรมนัสตอบกลับว่ามีหลายเรื่องที่ ส.ส.ไม่สบายใจ ในฐานะเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล แต่พรรคอื่นขออะไรก็ได้ แต่พวกเราไม่ได้อะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบกลับว่าถ้าโครงการต่างๆ ถูกกฎหมายก็ให้เขียนมา

ร.อ.ธรรมนัสพูดกับ พล.อ.ประยุทธ์อีกว่า ท่านไม่เคยมาดูแล ไม่ได้เจอ ส.ส.ในพรรค ส.ส.หลายคนไม่เคยได้รู้จัก พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นปัญหาแบบนี้ ก็จะไปปรับตัวดู” ร.อ.ธรรมนัสจึงกล่าวว่า “อะไรที่ผิดพลาดไปผมก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่ผมพูดไป พูดไปในฐานะเลขาธิการพรรค ที่ต้องดูแลพรรค ดูแล ส.ส.” ส่วนการลงมติวันที่ 4 กันยายนนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก แต่รัฐมนตรีบางคนอาจจะไม่เท่านายกฯ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาล ได้กล่าวเสริมว่า ของท่านอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์จึงบอกว่า ให้มันเท่ากันดีกว่า อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์พูดกับ ส.ส.ว่า อะไรที่ทำได้ก็จะทำ อะไรที่ผ่านมาก็อย่าไปคิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพบกับ ส.ส.ครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โชว์ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของ 3 ป. โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปกอด พล.อ.ประวิตร พร้อมพูดหยอกกันอย่างอารมณ์ดีว่า “ถ้า 3 คน อยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน ยังมีเรื่องราวของทั้ง 3 คนที่คนอื่นไม่รู้อีกเยอะ” และ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำอีก “ถ้าอยู่เราต้องอยู่กัน 3 คน” ก่อนหันไปกระเซ้า พล.อ.ประวิตรว่า “ท่านอยากเป็นนายกฯหรือ” พล.อ.ประวิตรจึงกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “จะบ้าหรือ กูไม่เป็นหรอก มึงเป็นนั่นแหละ”

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่นาน พล.อ.ประวิตรเคยพูดกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่เข้ารายงานสถานการณ์ต่างๆ ในพรรค ประโยคหนึ่งให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องว่า “มึงจะให้กูทรยศน้องกูเหรอ”

แหล่งข่าวจากพรรค พปชร.กล่าวว่า แม้จะเคลียร์ปัญหาภายในกันได้ก่อนวันลงมติในวันที่ 4 กันยายนนี้ ทั้งนี้มีการประเมินว่าอาจจะมี ร.อ.ธรรมนัสเอฟเฟ็กต์ เกิดขึ้น เพราะถือว่าครั้งนี้เคลื่อนไหวแรงมากและมีเดิมพันสูง ยังคงมีความไม่พอใจนายกฯของ ส.ส.บางคนอยู่ จึงต้องจับตาผลการลงมติที่จะเป็นตัวสะท้อนความรู้สึกของบางคนในพรรค โดยคะแนนนายกฯ ควรจะต้องอยู่ระหว่าง 263-270 คะแนน หากต่ำกว่านี้ เป็นเรื่องใหญ่แน่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image