สถานีคิดเลขที่ 12 : สงคราม 2 ระบอบ! โดย จำลอง ดอกปิก

สถานีคิดเลขที่ 12 : สงคราม 2 ระบอบ! แพทองธาร ชินวัตร ทายาทการเมือง

แพทองธาร ชินวัตร ทายาทการเมือง ทักษิณ ชินวัตร เปิดตัว แสดงวิสัยทัศน์ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อีกเจเนอเรชั่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ปลุก ส.ส. สมาชิกเพื่อไทย คึกคัก ฮึกเหิมระดับหนึ่ง

การเป็นทายาทการเมืองสายตรง ทักษิณ ชินวัตร

สารที่สื่อออกไป เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณอดีตนายกรัฐมนตรี ยังสู้

Advertisement

ถึงขั้นวางตัวลูกสาว ก้าวออกมาจากครอบครัวชินวัตร สู่ครอบครัวเพื่อไทย

โดยหมายมั่นปั้นมือ เอาชนะเลือกตั้ง กลับมาเป็นรัฐบาลให้จงได้อีกครั้ง เพื่อขับเคลื่อน แปรนโยบายแก้ปากท้องในคอมพ์ แผ่นกระดาษ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมปฏิบัติ

อย่างที่เคยทำมา

Advertisement

เป็นความจริงอย่างที่อุ๊งอิ๊งว่า ต่อให้นโยบายดีแค่ไหนก็ตาม หากไม่ได้เป็นรัฐบาล ผลักดันเป็นรูปร่าง ก็เสียของ สูญเปล่า

จึงได้ประกาศเป้าหมายดังกล่าวอย่างชัดเจน

อีกเป้าหมายสำคัญของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คือ โค่นล้มเผด็จการ

แม้พูดห้วนๆ และค่อนข้างระมัดระวัง ไม่ขยายความ ยืดยาว

แต่คนทั่วไป ก็ย่อมเข้าใจได้ว่า พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือที่ฝ่ายค้านบางพรรคเรียก ระบอบประยุทธ์

เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ซึ่งนำก่อการ รัฐประหาร

ยึดอำนาจรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้มีศักดิ์เป็นอาแพทองธาร เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2557 และอยู่ติดลม นาน จากรัฐบาล คสช. จนกระทั่งถึงรัฐบาลในแพคเกจประชาธิปไตยปัจจุบัน ตามการออกแบบรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้มีความต่อเนื่อง

ดีไซน์พิเศษเฉพาะปูทางสืบทอด

ผ่องถ่ายอำนาจบริหารมาอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน โดยนายกฯคนเดิม

การออกตัวว่าเรื่องล้มล้างเผด็จการ เป็นเป้าหมายระยะไกล

หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คงไม่ต้องการยกระดับการเผชิญหน้า โดยไม่จำเป็น และอย่างเปิดเผย

แต่สงครามเย็น การเมือง ก็เป็นที่รับรู้กันเป็นการทั่วไป

ไม่ว่าการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา หรือครั้งหน้าที่จะถึง เป็นการสู้วัดกัน ระหว่าง 2 ขั้ว ฝั่งหนึ่งพรรคเพื่อไทย อีกฝั่งพลังประชารัฐ พรรคที่เสนอชื่อและให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เป็นสนามจำลองการต่อสู้ ที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557

ยาวมาจนถึงปัจจุบัน

แต่เปลี่ยนเป็นสนามการเมือง ประชาชนตัดสิน

เป็นสนามการเมือง ที่พรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องพูดถึง เผด็จการ การโค่นล้ม

จะยกไว้ ข้ามมิได้เป็นอันขาด

เนื่องจากเป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกโค่นล้มมาก่อน และแม้แต่ชนะเลือกตั้ง กวาดที่นั่ง ส.ส.สูงสุดในสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ในการเลือกตั้งปี 2562 ครั้งแรกหลังรัฐประหาร แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในรัฐสภา

จำเป็นต้องพูดถึงการถอนรากถอนโคน เผด็จการ

ที่เห็นตัวแทนอำนาจพิเศษนั้น ชัดเจน เห็นผลจากการบริหารชัดเจนตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา สำเร็จ หรือว่าล้มเหลว

ที่มีเป้าหมายเพื่อฟ้องปลุกประชาชนช่วยกันคว่ำ ผ่านการเลือกตั้งเป็นลำดับแรก

ระบอบทักษิณ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงสำคัญ ให้อีกฝ่ายสามารถยืนยืดอยู่ได้ ในสังคมที่ประชาชนแตกออกเป็น 2 ขั้ว

มีการปั่น สร้างให้เกิดความเกลียดกลัว เลี้ยงไข้เรื่อยมา

ว่ากันว่า หากปราศจากซึ่งคู่ต่อสู้ หรือฝ่ายตรงกันข้าม ความจำเป็นที่จะต้องสืบทอดภารกิจของอำนาจพิเศษ ก็จะลดน้อยถอยลง อาจจนถึงไม่จำเป็นอีกต่อไป

การปรากฏตัวของ อุ๊งอิ๊งทายาทสายตรง

ไม่เพียงทำให้ ส.ส.สมาชิกเพื่อไทยคึกคักเท่านั้น หากแต่น่าเชื่อว่า ทำให้อีกฝั่ง มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นด้วย

เพราะหนทางที่จะกลับมา ริบหรี่เต็มที

เหมือนกำลังมองหาเงื่อนไข โอกาสไปต่ออยู่

ขณะเดียวกัน พิษภัยอำนาจพิเศษ และการสืบทอด ก็ช่วยหล่อเลี้ยง พรรคเพื่อไทยให้ยืนอยู่ได้ อย่างมีความหวังเช่นกัน

เป็นความหวังจากตาสว่าง

ระบอบนี้พึ่งหวังได้หรือไม่

สถานการณ์เดินมาถึงจุดที่ ต่างฝ่ายต่างเป็นน้ำเลี้ยงซึ่งกันและกัน ขาดไม่ได้

ช่วยให้ประชาชนเลือกง่าย ตัดสินใจง่าย

การต่อสู้ 2 ระบอบสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image