ผลักดันแพร่เป็นแลนด์ลิงก์ เชื่อมน่าน-เชียงของ พัฒนาการท่องเที่ยว

สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.เชียงราย จัดโครงการาสื่อสัญจรสานสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรม กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยนำคณะสื่อมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชนเดินทางไปยัง จ.แพร่ เพื่อศึกษาดูงานตามสถานที่หลายแห่ง เช่น วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร พิพิธภัณฑ์คุ้มเมืองแพร่ (คุ้มเจ้าหลวง) วัดพระธาตุช่อแฮ วิสาหกิจชุมชนหม้อห้อมทุ่งเจริญ ฯลฯ รวมทั้งเข้าพบนายวัฒนา พุทธชาติ ผู้ว่าราชการ จ.แพร่ และคณะ ณ ศาลากลาง จ.แพร่ เพื่่อรับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวด้วย
นายวัฒนา กล่าวว่าพื้นที่ จ.แพร่ มีภูมิประเทศที่เป็นป่าเขามากถึงกว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมดและยังมีปัญหาเรื่องการจะนำน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพราะแหล่งน้ำโดยเฉพาะแม่น้ำยมไหลผ่านป่าเขาทำให้การก่อสร้างสิ่งต่างๆ เช่น เขื่อน ฯลฯ มักถูกคัดค้านมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ที่ผ่านมาการจะพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ประชากรทำได้ยาก โดยน้ำจากลำน้ำยมมีปริมาณปีละ 1,400 ล้านลูกบาศก์เมตร และน้ำจากน้ำฝนมีปริมาณ 1,200-1,300 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมเป็นประมาณ 2,600-2,700 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ความต้องการใช้ทั้งจังหวัดมีประมาณ 1,600 ลูกบาศก์เมตรแต่ปรากฎว่าพื้นที่สามารถกักน้ำเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้เพียงประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ที่เหลือปล่อยให้ไหลลงสู่ภาคกลางดังนั้นกรณการเกษตรจึงแก้ไขด้วยการทำฝาย อ่างเก็บน้ำ ฯลฯ เพื่อกักเก็บให้พอใช้
201701071319062-20021028190531
นายวัฒนา กล่าวอีกว่าด้วยเหตุนี้จังหวัดจึงได้ระดมทีมการท่องเที่ยวประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.แพร่ ฯลฯ พัฒนาภาคการท่องเที่ยวเพื่อชดเชยข้อจำกัดในการพัฒนาด้านการเกษตรและแหล่งน้ำดังกล่าว ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ตนเข้ารับตำแหน่งที่ จ.แพร่ ก็ได้รวบรวมข้อมูลจนมีแนวทางพัฒนาว่า จ.แพร่ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่หลายสิ่งยังไม่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา มีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรวมทั้งมีทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ มากมาย เช่น พระธาตุช่อแฮ คุ้มเจ้าหลวง บ้านไม้สักซึ่งมีในเขตเทศบาลกว่า 800 หลัง อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ถ้ำผานางคอย แพะเมืองผี แหล่งผลิตผ้าม่อฮ่อมที่มีชื่อเสียง อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ขนมเส้นน้ำย้อย ฯลฯ รวมทั้งมีแหล่งอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยและรอการพัฒนาด้วย
201701071319063-20021028190531
“แพร่เป็นจังหวัดเดียวในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 2 ที่ไม่ติดชายแดนลักษณะเหมือนประเทศลาว เราจึงจะพยายามพัฒนาให้จังหวัดมีการเชื่อมโยงหรือแลนด์ลิงก์ระหว่างจังหวัดต่างๆ และไปถึงชายแดน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้พักอยู่ที่แพร่ให้ยาวนานด้วย โดยปัจจุบันมีโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างแพร่-น่าน เส้นทางปาย-ปัว-แป้ (แพร่) ที่อยู่ใกล้กัน และรัฐบาลก็กำลังพัฒนาเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ชายแดนลาว ทำให้ในอนาคตก็จะได้เชื่อมการท่องเที่ยวกับเชียงรายได้รวมไปถึงเชื่อมกับชายแดนได้เช่นกันต่อไป” นายวัฒนา กล่าวและว่าปัจจุบันจังหวัดได้จัดตั้งทีมและเริ่มพัฒนาระบบขนส่งภายใน ที่พัก ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ เชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนได้อย่างเต็มที่ต่อไป
ด้าน น.ส.เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ กล่าวว่าปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวไปเยือนแพร่จำนวน 750,000 คน สร้างรายได้เข้าจังหวัดประมาณ 1,390 ล้านบาท มีที่พักทั้งจังหวัดจำนวน 1,632 ห้อง กระนั้นพบว่ามีแนวโน้มจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกรายการทางจังหวัดจึงได้มีโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวต่างๆ มากมายเพราะเล็งเห็นว่ายังมีเอกลักษณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น มาร์เก็ตติ้ง 360 องศา ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวไปตามสื่อต่างๆ ฯลฯ
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image