ที่มา | คอลัมน์ ร่อนตามลม มติชนรายวันหน้า 18 |
---|---|
ผู้เขียน | [email protected] |
เผยแพร่ |
วันที่ 31 สิงหาคมปีนี้ก็จะครบ 20 ปีต่อการสวรรคตของเจ้าหญิงไดอานาแห่งอังกฤษ ที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2540 ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายวิลเลียม ทรงมีพระชันษา 15 ปี ส่วนเจ้าชายแฮร์รี ทรงมีพระชันษา 12 ปี
เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับว่าพระองค์ต้องใช้เวลาอยู่นานหลายปีกว่าจะตรัสถึงการสูญเสียพระมารดา ซึ่งเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต และครั้งหนึ่งเจ้าชายวิลเลียม หรือดยุคแห่งเคมบริดจ์ เคยตรัสกับเด็กชายในงานการกุศลหนึ่งว่า พระองค์เคยรู้สึกโกรธมาก และทำใจได้ยากมากที่จะพูดถึงการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา
ขณะที่เมื่อไม่นานนี้ เจ้าชายวิลเลียมทรงเคยตรัสกับเด็กหญิงที่ประสบความสูญเสียเช่นเดียวกับพระองค์ว่า “ฉันก็สูญเสียแม่ตอนฉันยังเด็กเช่นกัน และมันสำคัญมากที่เราต้องพูดถึงเรื่องนี้”
เว็บ popsugar.com มีรายงานด้วยว่า พระโอรสทั้งสองพระองค์ของเจ้าหญิงไดอานา กำลังจะสร้างรูปปั้นของเจ้าหญิงไดอานาขึ้นที่สวนสาธารณะในบริเวณพระราชวังเคนซิงตัน เพื่อทรงรำลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาและคุณความดีนานัปการจากโครงการการกุศลต่างๆ ที่เจ้าหญิงไดอานาทรงทำไว้ และส่งผลต่อชาวอังกฤษและชาวโลก
ในโอกาสนี้ เว็บ popsugar.com ยังได้รวบรวมคำพูดกินใจที่พระโอรสทั้งสองพระองค์ทรงเคยตรัสถึงความรู้สึกที่มีต่อการสูญเสียเจ้าหญิงไดอานาในหลายโอกาส เริ่มจากเจ้าชายวิลเลียมที่ทรงเคยตรัสถึงเรื่องนี้ว่า…
“เวลาช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ฉันยังคิดถึงแม่ของฉันทุกวัน ถึงแม้แม่จะจากไปเกือบ 20 ปีแล้ว”
“เมื่อ 21 ปีที่แล้ว แม่ของฉันได้ร่วมก่อตั้งองค์กรการกุศลเด็กที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และพอ 15 ปีต่อมา ฉันก็ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศลนี้ในอังกฤษ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของแม่ที่มีต่อองค์กรการกุศลนี้ซึ่งประทับใจฉันมาก และทำให้แม่เป็นที่จดจำในเวลาต่อมา และสิ่งที่ฉันเข้าใจแล้วในวันนี้ก็คือ ความโศกเศร้าจากความสูญเสียที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต เป็นเรื่องที่ไม่ว่าพ่อแม่ หรือเด็กคนไหนก็จะสามารถผ่านมันไปได้”
“ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยว่าแม่มีอิทธิพลต่อฉันมากแค่ไหน ฉันชื่นชมต่อความอุทิศตนและทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำ และฉันก็คิดว่าแรงบันดาลใจ ความกระตือรือร้นทุกอย่างของแม่ได้ขัดเกลาฉันให้ทำการกุศลต่างๆ อย่างเช่น การศึกษาวิจัยเรื่องโรคเอดส์ในแอฟริกา”
“ตอนแรก คุณจะรู้สึกช็อกและไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับคุณ และความรู้สึกเศร้าจริงๆ มักจะไม่เกิดขึ้นทันที แต่จะค่อยๆ มากขึ้นในเวลาต่อมา สำหรับคนส่วนใหญ่ ความเศร้าไม่มีวันหายไปหมด ชีวิตเป็นเรื่องยากเหมือนที่เรารู้กัน และไม่มีวันไหนที่จะผ่านไปโดยคุณไม่คิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันเป็นไปได้ที่เราจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้น และอยู่กับความทรงจำอันมีค่าเหล่านั้น”
“การสูญเสียคนในครอบครัวเป็นประสบการณ์เจ็บปวดที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต ที่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถผ่านมันไปได้ การไม่มีโอกาสที่จะเรียกคำว่า แม่ อีกแล้วในชีวิต อาจฟังดูเหมือนเรื่องเล็กๆ แต่ฉันก็ยังรู้สึกตอกย้ำทุกครั้ง อย่างเช่นเมื่อถึงวันแม่”
สำหรับเจ้าชายแฮร์รี ทรงเคยตรัสถ้อยคำกินใจต่อการสูญเสียพระมารดาว่า…..
“ฉันไม่เคยจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจริงๆ สักที มันจึงมีความรู้สึกต่างๆ มากมายที่ถูกเก็บกดไว้ และฉันยังไม่ต้องการแม้แต่จะพูดถึงมัน”
“ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้ มันโอเคที่เราจะรู้สึกทุกข์ เศร้า การที่คุณพูดถึงเรื่องนี้ มันไม่ใช่เป็นความอ่อนแอ ความอ่อนแอคือการมีปัญหาแล้วไม่ยอมรับว่ามีปัญหา และไม่พยายามแก้ปัญหาต่างหาก”
“นับเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างใหญ่หลวงที่แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แต่ฉันก็หวังว่าแม่จะต้องภูมิใจอย่างมากต่อสิ่งที่พวกเราพยายามทำให้สำเร็จ”
“ครั้งแรกที่ฉันมาที่แอฟริกาเมื่อปี 2540 หลังจากแม่ฉันตาย พ่อของฉันบอกฉันกับพี่ชายให้ไปเก็บกระเป๋า เรากำลังจะไปแอฟริกาเพื่อหนีจากเรื่องต่างๆ ทั้งหมด”
“เราสองคนจะทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ เพื่อให้แม่ไม่มีวันถูกลืม และจะสานต่อสิ่งดีๆ ทุกอย่างที่แม่ทำ และฉันก็หวังว่า ความสามารถ พรสวรรค์ต่างๆ ของแม่ จะสะท้อนให้เห็นในงานที่ฉันทำ”
“ฉันหวังว่าแม่กำลังก้มมองดูครอบครัวของเราด้วยน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจต่อสิ่งที่พวกเราได้ทำ และฉันก็มั่นใจว่า แม่กำลังรอวันที่ฉันจะมีลูก และแม่จะได้เป็นคุณย่ากับเขาอีกครั้ง และฉันก็หวังว่าทุกเรื่องที่ฉันทำ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังจะทำให้แม่ภูมิใจ”
“การสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ส่งผลต่อชีวิตคุณอย่างมากมายแน่นอน และวันนี้ฉันก็พบว่าฉันพยายามจะอยู่เคียงข้างและพร้อมให้คำแนะนำแก่คนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน”