ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
บางทีไม่ต้องอ้างปรัชญาเมธี ระดับโลก หรือระดับไหนๆ เลยก็ได้
มนุษย์ปุถุชนที่มีเหตุผลบ้าง ไม่มีเหตุผลบ้าง
เห็นความซ้ำซาก ที่บางฝ่ายทำอะไรผิดแล้วผิดอีก บางฝ่ายทำอะไรไม่เคยผิดเลย
ก็อดเกิดความรู้สึก “แน่นอก” ขึ้นมาไม่ได้
ว่าไป แม้เสื้อเหลือง เสื้อแดง จะอยู่กันคนละขั้ว
แต่สิ่งที่เผชิญร่วมกันอยู่ในขณะนี้ ก็คือ การอยากได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นกับพวกตนอย่าง “สิ้นสุดขบวนความ” และเป็นธรรม
คนเสื้อเหลืองกำลังเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นอุทธรณ์ เพื่อเอาผิด 4 ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2552
มิใช่ยื่นอุทธรณ์กับผู้เกี่ยวข้องเพียงคนเดียว
คนเสื้อแดงกำลังเรียกร้อง ป.ป.ช.ให้ฟื้นคดีเอาผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี 2553
หลังจากที่ ป.ป.ช.ชุดก่อน มีมติตีตกว่า ไม่ใช่การชุมนุมที่สงบ สันติ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีกลุ่มคนติดอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง
ว่าไปแล้วทั้ง 2 กรณี
เสื้อเหลืองได้รับการเอาใจใส่มากกว่าเสื้อแดง อยู่ตามสมควร
โดยในกรณีการสลาย พธม. ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว เห็นว่ามีมูล ส่งเรื่องสำนักงานอัยการสุงสุดสุดแห่งชาติพิจารณา ปรากฏว่าสำนักงานอัยการฯไม่เห็นพ้องที่จะส่งฟ้อง
ทำให้ ป.ป.ช.ตัดสินใจดำเนินคดีเอง โดยว่าจ้างสภาทนายความให้มาว่าความให้ ซึ่งก็ปรากฏว่าในศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง
อันนำมาซึ่งการเรียกร้องให้ ป.ป.ช.อุทธรณ์ อยู่ตอนนี้
ส่วนกรณีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง แยกออกไปสองทาง
ทางแรก ดีเอสไอทำสำนวนฟ้องต่อศาล ซึ่งปรากฏว่าทั้ง 3 ศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา สั่งยกฟ้อง
เป็นการยกฟ้องทางเทคนิค คือศาลเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการมิใช่ดีเอสไอ
ทางที่สอง ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวน ปรากฏว่า ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ไก่โห่ สั่งไม่ฟ้องโดยอ้างว่าไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ การสลายผู้ชุมนุมจึงชอบแล้ว
จากเหตุข้างต้น
ทำให้คนเสื้อแดงถึงทาง “ตัน”
ต้องเรียกร้องให้ ป.ป.ช.พิจารณาใหม่ ซึ่งก็ไม่ง่ายเพราะ ป.ป.ช.บอกว่าต้องเข้าเกณฑ์กฎหมายและต้องมีพยานหลักฐานใหม่
ส่วนคนเสื้อเหลืองถึงทาง “ตีบ”
เพราะ ป.ป.ช.เปิดช่องแคบๆ ให้ยื่นอุทธรณ์เพียง 1 คน
ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ในกระบวนการ (ที่จะหาความ) ยุติธรรม
และเห็นว่า บางฝ่ายโดยเฉพาะที่กุมอำนาจอยู่ มีการปกป้อง-คุ้มกันอย่างดี
ทำอะไรไม่ผิด
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @ThaksinLive
มงแต็สกีเยอ เคยกล่าว “ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
ก็เลยเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
ไม่เว้นเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ที่หันมาตะลุมบอนกันตามภาวะ “ต่างขั้ว” ด้วย
แม้โพสต์นี้จะมีเป้าหมายกรณี “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นสำคัญ
แต่กระนั้นก็เกี่ยวเนื่องไปถึงการวิพากษ์ “ขบวนการการยุติธรรม” นับจากสงครามการเมืองอันยืดเยื้อร่วมทศวรรษด้วย
และแน่นอน ณ กาลปัจจุบัน “ฝ่ายกุมอำนาจ’ ก็ประหนึ่งถูก “ปูหนีบ” ให้เจ็บๆ ปวดๆ ไปด้วย
เป็นการเริ่มส่งสัญญาณว่าถึง “ปู(จะ)หนี” แต่ก็มีฤทธิ์ที่มี “พี่แม้วหนุน” จะหวนกลับมา “หนีบ” คู่ขัดแย้งได้ตลอดเวลา
………………….
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร