ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
“อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” กำลังรันโปรเจ็กต์ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อหารายได้ช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ ด้วยการวิ่งทางไกลจาก อ.เบตง จ.ยะลา ขึ้นไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ข้อถกเถียงหลักๆ ที่เกิดขึ้นกับการออกวิ่งของตูน มาตั้งแต่โครงการก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาวิ่งระยะไกลจากกรุงเทพฯ ไปบางสะพาน ก็คือ แม้คนจำนวนมากจะเห็นว่านั่นเป็นการ “ทำดี” หรือการ “(ลงมือ) ทำดีกว่าไม่ทำ” หรือการมีจิตอาสา ฯลฯ
แต่มีคนอีกไม่น้อยที่เห็นว่าการออกวิ่งอย่างเดียวอาจแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในภาพใหญ่ไม่ได้ แถมยังเป็นการผลักภาระที่ภาครัฐควรจะต้องจัดสรรงบประมาณจากภาษีของประชาชนไปให้โรงพยาบาลต่างๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม ไปสู่การต้องลงแรงกาย-ขายภาพลักษณ์ของเซเลบหรือคนมีชื่อเสียงในสังคม
จนมาถึงโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ดูเหมือนข้อถกเถียงใหญ่ๆ เกี่ยวกับการออกวิ่งของตูน ก็จะเวียนวนอยู่แถวๆ เรื่องราวทำนองนี้
อย่างไรก็ดี น่าจะยังมีประเด็นอื่นๆ ว่าด้วยตูน บอดี้สแลม ให้เราคิดใคร่ครวญกันได้อีก
การเป็นดารา-นักร้อง หรือเซเลบในวงการบันเทิง ก็คือ การต้องมีสถานะเป็น “บุคคลสาธารณะ” อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ดังนั้น สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมมักรับรู้สัมผัสได้เกี่ยวกับเซเลบเหล่านั้น จึงได้แก่ “ชีวิตสาธารณะ” ของพวกเขา ซึ่งมีแนวโน้มจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับ “ชีวิตส่วนตัว”
โดยปกติ “ชีวิตสาธารณะ” ของดาราก็มีพื้นที่ประจำการอยู่แล้ว ในหนัง ละคร เพลง หรือสื่อบันเทิงประเภทต่างๆ
ที่น่าสนใจ คือ ดูคล้ายตูนจะพยายามขยับขยาย “ชีวิตสาธารณะ” ของตนเอง ให้ใหญ่โตกว้างขวางเกินกว่าขอบเขตของพื้นที่เดิมๆ จำพวกนั้น
ดีไม่ดี เราสามารถเทียบเคียง “ชีวิตสาธารณะ” ของร็อกสตาร์นักวิ่ง ไปกับ “ชีวิตของประเทศ/ชาติ” เลยด้วยซ้ำ จากโครงการที่เขาออกวิ่งจาก “ใต้สุด” ไป “เหนือสุด” ของแผนที่ประเทศไทย
หาก “ชีวิตสาธารณะ” แยกไม่ออกกับ “การแสดง” การออกวิ่งของตูนก็คงไม่ต่างกับการออกทัวร์คอนเสิร์ตไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
เป็นการพบปะแฟนๆ ในสถานการณ์จริง ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของ “ภาพแทน” ทั้งหลายในสื่อเก่า กับภาวะบูมของสื่อใหม่ที่นำเสนอภาวะ “เสมือนจริง” และพร้อมจะสนทนาโต้ตอบกับผู้ชมผู้บริโภค
อีกข้อที่น่าคิด คือ แม้โครงการวิ่งของตูนจะแก้ไขปัญหาระยะยาวหรือปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้ แต่อย่างน้อย “อาการ” หลายๆ อย่างของสังคมไทยหรือคนไทย ก็จะเผยคลี่ออกมาตามรายทางที่เขาออกวิ่ง
แค่เพียงการวิ่งในระยะแรกๆ เราก็ได้เริ่มเห็น “อาการเบาๆ” อย่างอารมณ์โหยหาวีรบุรุษ หรือความชื่นชอบคลั่งไคล้ดารา
นอกจากนี้ ยังมีภาพความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างตูนกับชาวบ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถูกนำเสนอในฐานะแบบอย่างของ “สันติภาพ” ที่มิได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
แน่นอนว่าภาพลักษณ์ด้านบวกเช่นนี้ สามารถชี้ให้เห็นแง่มุมกลับกัน ถึงการไร้ส่วนร่วมหรือการปราศจากตัวตนของตัวแทนรัฐไทย คนจากส่วนกลาง หรือคนจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ใน “ภาพ” ลักษณะเดียวกัน
การวิ่งของตูนจึงอาจบ่งบอกว่าสถานพยาบาลหรือระบบสาธารณสุขในประเทศนี้ขาดแคลนอะไรบ้าง (ซึ่งตัวเขาเองคงไม่มีกำลังความสามารถจะช่วยเหลือได้หมด) พอๆ กับที่แสดงให้เห็นถึง “อาการบกพร่องขาดแคลน” ของรัฐและสังคมไทยโดยรวม
เหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตสาธารณะที่ไหลเลื่อนเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ ของตูน ย่อมก่อให้เกิดบทสนทนาอันเปิดกว้างพอสมควร
ทั้งคำถามชุดเดิมๆ ตั้งแต่เมื่อเจ้าตัวออกวิ่งครั้งแรก ตลอดจนคำถามใหม่ๆ และข้อสงสัย-ข้อสังเกตเพิ่มเติม ที่มีต่อ “ชีวิตสาธารณะ” ของนักร้องดัง และต่อ “ชะตากรรมของประเทศ” ที่เขากำลังย่างก้าวไปสัมผัส
………………..
ปราปต์ บุนปาน