“บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศ (สปอร์ตฮีโร่) ครั้งที่ 2/2561 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท. หัวหมาก เมื่อวันที่ 15 มีนาคม
ภายหลังการประชุม นายสกล เปิดเผยว่า การประชุมได้มีการสรุปรายชื่อนักกีฬา และผู้ฝึกสอนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการสปอร์ตฮีโร่ ประจำปี 2561 รวมจำนวน 1,492 คน แบ่งเป็น นักกีฬา 1,017 คน และผู้ฝึกสอน 475 คน ซึ่งทั้งหมดจะเก็บตัวซ้อมกับจังหวัดต้นสังกัดตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา อุปกรณ์กีฬา และเจ้าหน้า กกท.คอยแนะนำ และติดตามผล โดยเด็กสปอร์ตฮีโร่ แบ่งเป็น 3 รุ่นอายุ คือ รุ่น 10-12 ปี, รุ่น 13-15 ปี และรุ่น 16-18 ปี
นายสกล กล่าวอีกว่า เด็กสปอร์ตฮีโร่ในปีนี้ยังผ่านการคัดเลือกระดับภาคไปเข้าร่วมแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 34 ประจำปี 2561 “น่านเกมส์” ที่ จ.น่าน ช่วงวันที่ 19-28 มีนาคมนี้ จำนวน 563 คน หรือคิดเป็น 55.41 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดในโครงการ ถือว่าใช้ได้ แต่ได้ตั้งเป้าหมายว่า จะต้องมีครึ่งหนึ่งจาก 563 คน ประสบผลสำเร็จติดอันดับ 1-3 คือจะต้องคว้าเหรียญทอง, เงิน และทองแดงในน่านเกมส์ให้ได้ จึงจะถือว่า โครงการประสบผลสำเร็จ และเด็กสปอร์ตฮีโร่สู้กับเด็กข้างนอกได้ ทั้งเด็กโครงการ 1 กีฬา 1 จังหวัด, เด็กโรงเรียนกีฬา และรุ่นพี่อายุไม่เกิน 20 ปี
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวเพิมเติมว่า การดำเนินการต่อจากนี้จะจัดสปอร์ตฮีโร่แคมป์ ในเดือนพฤษภาคม เพื่อฝึกพัฒนาเทคนิคระดับสูงจาก 16 สมาคมกีฬาที่อยู่ในโอลิมปิกเกมส์ จากนั้นจะมีการแข่งขันสปอร์ตฮีโร่แห่งชาติ รอบสุดท้าย ที่ จ.ชลบุรี ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงต้นเดือนกันยายน เพื่อประเมิน และติดตามผลของเด็กในโครงการ ทั้งนี้ เด็กราว 200 คนจาก 1,017 คน ที่ประสบผลสำเร็จจะครองแชมป์ต่ออีก 1 ปี โดยไม่ต้องคัดเลือกในปีหน้า และจะได้เก็บตัวยาวตั้งแต่ตุลาคมด้วย
“โครงการสปอร์ตฮีโร่ได้คัดเลือกนักกีฬาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการปูพรมหาช้างเผือก และสร้างนักกีฬาหน้าใหม่ขึ้นมาแทนหน้าเก่าทีมชาติในช่วงเวลา 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี โดยเราจะมีทีมงานติดตาม และประเมินเด็กจากผลการแข่งขัน และการพัฒนา เพื่อเสริมคุณภาพทุกอย่าง และฟูมฟักให้เติบโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาทีมชาติที่มีวินัย มีสปิริต และภูมิในการทำหน้าที่เพื่อชาติต่อไปในอนาคต” บิ๊กเสือกล่าวทิ้งท้าย
