นักธุรกิจพันล้าน “แอน จักรพงษ์” เปิดอดีตสุดขมขื่น สู่การจัดตั้งมูลนิธิ L.I.F.T. ช่วยเหลือเหยื่อข้ามเพศ

หากพูดถึงชื่อ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” CEO บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด(มหาชน) ในนาทีนี้ แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก กับบุคคลที่สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ให้กับสังคมไทย โมดิฟายตัวเองสานความฝัน พัฒนาธุรกิจอย่างไม่ย่อท้อ จนได้รับขนานนามว่า “CEO ข้ามเพศพันล้าน” มีชีวิตที่ใครๆต่างอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้ มีหนึ่งบาดแผลในใจที่แสนเจ็บปวด ที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง

    “Call Me Anne ข้ามเพศพันล้าน” พ็อกเก็ตบุ๊คเริ่มแรก ที่เรียกได้ว่าเปิดหมดเปลือก เผยทุกความลับ ปลดความทุกข์ในใจที่เก็บมานานกว่า 20 ปี กับประสบการณ์สุดเลวร้าย โดนครูชั่วข่มขืนตอนอายุ 12 จนสลบเหมือดเลือดทะลัก กางขาไม่ได้เดินไม่ได้ ยังมาถาม “มีความสุขไหม” สุดแค้นได้แต่นั่งระบายในไดอารี่ ไม่กล้าบอกพ่อแม่ เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนแกร่งสู้คนไม่ยอมแพ้กับการถูกเอาเปรียบ ทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ หวังลบล้างแผลในใจที่แสนเจ็บปวด พร้อมประกาศตั้งมูลนิธิข้ามเพศบันดาลใจ (L.I.F.T.) ช่วยเหลือเหยื่อข้ามเพศ สนับสนุนให้มีความรู้และการศึกษาไม่ถูกดูถูกเหยียดหยามและเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจในรายการ “เจาะใจ” ที่จะออกอากาศวันที่ 29 กันยายนนี้ว่า

   “หนังสือเล่มนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งที่หล่อหลอมให้มายืนอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จ มันคือการสู้ไม่ถอย เพราะเราไม่มีทางเลือก เราต้องมาอยู่ในร่างของผู้ชาย ซึ่งเราไม่มีสิทธิเลือกทางของตัวเอง ก็เลยต้องโฟกัสไปที่งานทั้งหมด เราก็เลยกลายเป็นคนบ้างาน เพราะมันไม่มีอะไรทดแทนเราได้ ความรักเราก็มีไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถมีเหมือนเกย์ได้ เราไม่ใช่ตุ๊ดไม่ใช่เกย์ เราเป็นผู้หญิงที่เกิดผิดร่างมันคือ Transgender คนที่เกิดผิดร่าง ไม่ใช่เรื่องรสนิยมทางเพศ แต่เราเป็นผู้หญิงที่อยากมีแฟนเป็นผู้ชายไม่ใช่ตุ๊ดเกย์ แต่ร่างเรามันไม่ได้ สมัยก่อนยิ่งไม่ต้องคิด เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่มีทางอนุญาต และรับเราไม่ได้เลย มันถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด เราก็เลยต้องเดินหน้าทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่เราสามารถทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้”

    คุณ แอน เล่าต่อว่า การที่เราเกิดผิดร่างมันทำให้เราต้องพิสูจน์ตัวเองมาก เราอยู่กับคำพูดดูถูกเหยียดหยาม “เป็นตุ๊ดไม่มีวันได้ดี” พ่อแม่ก็รับไม่ได้ที่ลูกเป็นแบบนี้ จึงต้องมุ่งมั่นทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วถึงได้ออกมายืนตรงนี้และบอกกับคุณพ่อคุณแม่บอกกับใครๆ ได้ว่า “เราเป็นผู้หญิง” ได้ทำให้ร่างกายกับจิตใจมันตรงกัน ได้รับการยอมรับจากครอบครัว และมีอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดเป็นแรงผลักที่ทำให้เรามีวันนี้ ทำให้เราต้องอดทนไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ต้องบอกว่ารอมานานมาก ไม่เคยกล้าเล่าให้ใครฟัง และมันก็คือแรงบันดาลใจนะคะ คือแอนเคยถูกละเมิดทางเพศตั้งแต่อายุ 12 ตอนป.6 และคนที่ทำเราก็คือครูสอนดนตรี”

Advertisement

    “เนื่องจากเราก็เป็นตุ๊ดที่อ้อนแอ้น ทุกครั้งที่เรียนวิชานี้ เวลานั่งเรียนอยู่เขาก็จะมานั่งข้างๆ มากระชากกางเกง ดึงกางเกงในของเรา เราก็พยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ไม่ได้โวยวาย ไม่กล้ากระโตกกระตาก เพราะว่ากลัว แต่เพื่อนๆเห็นหมดนะ คือเราเป็นเด็กที่ไม่สู้คนกลัวว่าจะมีเรื่อง เพราะถ้ายิ่งพูดยิ่งโวยวายการที่เราเป็นตุ๊ดอยู่ในโรงเรียนมันจะแพร่กระจายในวงกว้างจนไปถึงหูพ่อแม่เรา แต่พอเราไม่โวยวายเขาก็ยิ่งทำหนักขึ้น เขาก็เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงเรา เราก็ไม่กล้าร้องโวยวาย นี่คือความขี้คลาดของเด็กคนหนึ่งกลัวไปหมด”

    “พอวันหนึ่งมีงานแสดงของโรงเรียน เราก็ได้รับเลือกให้เล่นโขน เล่นเป็นหนุมานด้วย เขาเป็นคนเลือกให้เราเล่นบทเด่นเลย และด้วยความที่บ้านก็อยู่ไกลจากโรงเรียน คือบ้านอยู่แถวตลาดบางแค และโรงเรียนก็อยู่ต่างจังหวัด ก็เลยต้องไปนอนค้างที่บ้านเขา เพราะเราก็คิดว่าเพื่อนๆ คงไปกันหลายคน แล้วเราเป็นตัวนำด้วยกลัวไปไม่ทัน ก็เลยบอกพ่อกับแม่ว่าไปนอนคืนนึงนะ ซึ่งก็มีเด็กๆไปกัน 4-5 คน แต่ปรากฎว่าพอเริ่มค่ำปุ๊บทุกคนแยกย้ายกลับบ้านหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็คิดอีกว่ากลับตอนนี้มันก็จะวุ่นวายต้องมีคนมารับ แล้วต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 ก็เลยตัดสินใจนอนค้าง”

Advertisement

“ปรากฎตอนกลางคืนเขาก็ล็อคบ้าน ล็อคห้องหมด สุดท้ายคืนนั้นก็เกือบทั้งคืนเลย ถูกบังคับ เราก็พยายามต่อสู้แต่ประตูล็อคหมด ทำอะไรไม่ได้ เขาก็ตบหัวเราให้ลงไปข้างล่างและคุกเข่า ในหัวตอนนั้นกลัวไปหมดว่าเขาจะเอามีดมาเสียบเรามั้ย จะฆ่าเราหรือเปล่า มันกลัว มันขี้คลาดไปหมด ก็เลยปล่อยอยากทำอะไรก็ทำ ให้ถอดอะไรก็ถอด คืนนั้นเราโดนกระทำจนสลบและหลับไปเลย พอตื่นมาตอนเช้าร่างกายเราไม่เหมือนเดิมปวดร้าวไปหมดจะเดินจะนั่งไม่ได้เลย สิ่งแรกที่ทำคือเข้าห้องน้ำและสิ่งที่เห็นในชักโครกก็คือเลือดเต็มไปหมด มันคือความแค้น (เสียงสั่น) แต่เราก็ต้องเก็บเอาไว้ แล้วก็ยังต้องนั่งรถมากับเขาไปที่โรงเรียนอีก กลัวนะว่าเขาจะทำร้ายอะไรเราอีกก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวที่บ้านจะรู้ กลัวคนจะรู้ แล้วถ้าแอนไม่ขึ้นเวที โชว์ทุกอย่างมันจะล่มหมด วันนั้นเราก็ไปแสดง แต่ตีลังกาไม่ได้ เทำอะไรไม่ได้เลยเพราะขามันกางไม่ได้ แอนกล้าพูดเลยว่านั่นคือครั้งแรกของแอน และมันคือการถูกบังคับข่มเหงที่มันนานเหลือเกิน”

นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แค้นที่สุดชีวิต แต่ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ หลังจากคืนนั้นคุณแอนก็หันมาเขียนไดอารี่ เขียนระบายความในใจ ความแค้น ความคาดหวังในชีวิต ความเสียใจ ความสมหวัง จนเรียกได้ว่า ไดอารี่คือเพื่อนคนเดียวที่มี บางครั้งก็ได้แต่นั่งกอดไดอารี่ร้องไห้ พอเขียนเสร็จก็จะเอาไปเก็บไว้ในตู้ และใส่ไว้ในหีบอีกชั้นหนึ่ง เพราะกลัวพ่อแม่มาเห็น ไม่อยากให้ใครมาเผลออ่าน

   “เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แอนเปลี่ยนเป็นคนละคน แอนไม่ไว้ใจใครอีกแล้วในชีวิต กลายเป็นคนระวังรอบคอบ เวลาที่เห็นอะไรที่เราไม่ชอบหรือเวลาถูกเอาเปรียบมันจะมีการปะทะกลับแบบอัตโนมัติเลย และมันก็เป็นความรู้สึกผิดนะที่เราเขียนแต่ไดอารี่โดยที่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เพราะมารู้ทีหลังว่ายังมีเด็กคนอื่นโดนแบบเราอีก 4-5 คน พ่อแม่เขาก็ไม่ยอมและมาขับไล่เขาออกไป ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าปัจจุบันเข้าเป็นอย่างไร แต่ยังจำคำพูดของเขาคนนั้นได้ดีเลย หลังจากวันนั้นหนึ่งอาทิตย์เขามาเจอเรา เขาถามเราว่า “จักรพงษ์…คืนนั้นมีความสุขมั้ย” เราทำได้แค่มองเขาและตอบว่า “ครับ” นั่นก็ทำให้เราเปลี่ยนจากคนที่กลัวขี้อายกลายมากล้าแสดงออกลุกขึ้นมาโต้วาที เพราะความแค้นที่อยู่ในใจกลายเป็นแรงผลักดันให้เราต้องเอาดีให้ได้ พออายุ 13 แอนตัดสินใจเลยว่าจะเป็น โอปรา วินฟรี่ ประเทศไทย ต้องเป็นนักพูดให้ได้ เพราะคิดว่าถ้าเรามีไมค์อยู่ในมือมันจะทำให้เรามีอำนาจ และจะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเราได้อีก”

   ทั้งหมดนี้ ทำให้คุณแอนตัดสินใจทำพ็อตเก็ตบุ๊คขึ้นมา โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จะส่งมอบให้กับมูลนิธิข้ามเพศบันดาล ซึ่งเป็นมูลนิธิที่คุณแอนก่อตั้งขึ้น เพื่อให้การศึกษากับคนข้ามเพศ เพื่อให้มีที่ยืนในสังคม เพราะคุณแอนเชื่อว่าการศึกษาจะนำมาซึ่งโอกาสในชีวิต ผู้ที่สนใจก็สามารถติดตามเรื่องราวของ “แอน จักรพงษ์” ได้ในพ็อกเก็ตบุค “Call Me Anne ข้ามเพศพันล้าน” ที่ร้านหนังสือชั้นนำ ทั่วประเทศ และร่วมเป็นกำลังใจให้เธอไปพร้อมกันใน รายการ “เจาะใจ” วันเสาร์ที่ 29 กันยายนนี้ เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป ทางช่อง 9 MCOT HD

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image