ในยุคที่อะไรๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยดิจิทัล ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันไม่มีจุดสิ้นสุดที่คาดการณ์ได้ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสารสนเทศ หนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้อยู่รอดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือ “คุณภาพของคน” และ “การศึกษา” เพราะลำพังแค่เพียงการเข้าถึงเทคโนโลยีนั้นคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีทักษะและความรู้ที่หลากหลาย รวมถึงสามารถที่จะนำศาสตร์แขนงต่างๆ บูรณาการร่วมกันได้
“NIDA Experience” ถือเป็นโครงการใหม่อีกโครงการหนึ่งที่ “สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)” ยึดหลักการมีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ เพื่อพัฒนาระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังเรียนจบหลักสูตร ป.ตรี หรือเรียนจบแล้ว คนที่ทำงานอยู่ หรืออยากจะเปลี่ยนสายงาน ได้เลือกคอร์สเรียนในสาขาที่ใช่ในหลักสูตรต่างๆ ของสถาบัน ซึ่งจะใช้เวลาเรียน 15 สัปดาห์ 3 ชม./สัปดาห์ (45ชม.) เพื่อให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้ที่นอกเหนือจากความสามารถ/ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางาน สร้างความสำเร็จในการทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าการที่บ้านเมืองประกอบไปด้วยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ย่อมเป็นตัวชี้วัดถึงระดับทุนในการพัฒนาประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
ผศ.ดร.ณดา จันทร์สม รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ นิด้า เปิดเผยว่า 53 ปีที่ผ่านมา บทบาทของนิด้ามีความชัดเจนในการผลิตกำลังคนในศาสตร์แห่งการบริหารการพัฒนาที่มีความทันสมัย สร้างผู้นำหลายสาขาวิชาชีพ รวมถึงมีการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ แม้จะต้องเผชิญกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร ภาวะความท้าทายและปัญหาต่างๆ หลักสูตรและวิธีการสอนที่นี่ยังคงเน้นเรื่องการนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ทันสมัย และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ตามลักษณะสายอาชีพ ซึ่งมีความพร้อมรับมือที่เตรียมการไว้อย่างครบถ้วนในทุกมิติ โครงการ “NIDA Experience” นับเป็นตัวอย่างหนึ่งที่นอกจากจะรับกับการเรียนรู้ยุคใหม่ที่ไม่ต้องเรียนเต็มหลักสูตรแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจที่อยากจะ Up-Skill, Re-Skill ได้สร้างทักษะ-การเรียนรู้ใหม่ เพื่อก้าวทันความเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์ลักษณะงานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนหลากหลายวิชาจากหลากหลายคณะของนิด้า สูงสุด 3 รายวิชา/ภาค ซึ่งจะเรียนในเวลาราชการ และเรียนจริงกับนักศึกษาสามัญ
“สำหรับโครงการนี้ นอกจากจะทำให้เห็นว่าที่นิด้ามีบรรยากาศการเรียนเป็นอย่างไร มีรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายอย่างไร ยังจะทำให้ผู้เรียนค้นพบตนเอง หรือมองเห็นโอกาสในสายงานอื่นๆ หน่วยงานไหนที่ต้องการพัฒนาคน ก็สามารถที่จะส่งบุคลากรเข้ามาเรียนในบางวิชาได้ ซึ่งขณะนี้มีรายวิชาให้เลือกทุกๆ คณะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การดูภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม เศรษฐกิจมหาภาค มาเรียนเพื่อทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ หรือเพื่อนำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ มาบูรณาการเข้ากับการทำงาน พัฒนาตนเองขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น”
ผศ.ดร.ณดา กล่าวอีกว่า ได้ให้แต่ละคณะนำเสนอรายวิชาที่คาดว่าตรงความต้องการผู้เรียนและไม่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นในการเรียน คนที่มีความรู้ในสาขาอื่นใดก็ตามที่อยากจะมาพัฒนาตนเอง มา Up-Skill, Re-Skill ก็สามารถเข้ามาเรียนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของพื้นความรู้มาก่อน อย่างคณะสถิติประยุกต์ เนื้อหาก็จะเน้นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้นในเรื่องของการบริหาร คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ เน้นผสมผสานทฤษฎีองค์ความรู้และแนวคิดทางนวัตกรรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น
เมื่อเรียนจบในรายวิชานั้นๆ สามารถที่จะเก็บหน่วยกิตไว้ศึกษาต่อในหลักสูตรได้ 5 ปี โอนหน่วยกิตเพื่อนับรวมในหลักสูตรได้ทุกหลักสูตรของนิด้า มีการออกเกรดและใบรับรองผลการศึกษาให้ โดยตลอดระยะเวลาที่เรียนสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้เช่นเดียวกับนักศึกษาของสถาบันรายวิชาที่เปิดให้ลงทะเบียนเรียน ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุด สถานออกกำลังกาย การเข้าถึงฐานข้อมูล ห้องพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมาย
ใครที่อยากจะพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างทักษะใหม่ ยกระดับทักษะการทำงาน หรือต้องการมีทักษะการทำงานที่หลากหลาย ลองมาสัมผัสรายวิชาและประสบการณ์กับนิด้าได้ในโครงการ “NIDA Experience” พิเศษสุดปีนี้เนื่องในโอกาสนิด้าครบรอบ 53 ปี วิชาแรกมีค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเพียง 5,300 บาท วิชาต่อไป 4,500 บาท โดยผู้ที่สนใจสามารถดูรายวิชาที่เปิดให้ลงทะเบียนเรียนได้ที่ http://www.nida.ac.th/th/index.php/nida-join/experience
สมัครเรียนได้เลยโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือก ได้ทั้งช่องทางออนไลน์ https://forms.gle/HJGmyXurC7PdXTdi6 หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่กองบริการการศึกษา โทร 027273367-69 และ 027273629 ซึ่งจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม และเริ่มเรียนในภาคเรียนแรกเดือนสิงหาคมนี้
ถ้าจุดศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศต้องเริ่มจากการสร้าง “คน” ก็จำเป็นต้องขยับปรับตัวและพัฒนาตนเองให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นพลเมืองในยุคดิจิทัลได้อย่างรอบด้าน วันนี้คุณลองตรวจสอบความรู้ตนเองดูสิว่า “ความรู้เดิมๆ ที่มี ยังใช้ได้อยู่ไหม”, “ต้องมีการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่” หากไม่อยากตกขบวนรถไฟ 4.0 และอยากจะเป็นพลเมืองในอนาคต มาเปิดโอกาสตนเองให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาความรู้และทักษะอาชีพที่สูงขึ้น ไปพร้อมๆ กับโครงการ “NIDA Experience”
