กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานประกาศเจตนารมณ์ “การเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ” พร้อมมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 63 ให้กับ 27 หน่วยงานที่เข้าร่วม โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี และมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำคณะผู้บริหารเข้าร่วมเป็นเกียรติในงาน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ (กยส.) ได้นำประเด็นปัญหาของสตรี มาพัฒนาเป็นนโยบายสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเด็นที่สตรีเป็นผู้ให้กำเนิด ไม่ควรเป็นเหตุที่ทำให้ถูกเลือกปฏิบัติ สถาบันต่าง ๆ ควรสร้างวิถีที่ทำให้หญิงชายมีความรับผิดชอบร่วมกันในการเลี้ยงดูบุตร เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงาน และสร้างสังคมที่มีผลิตภาพอันเกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกคน
นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์การจัดงานว่า สค. ได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวควบคู่กับสิทธิสวัสดิการด้านแรงงานทั้งหญิงและชาย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานประกอบการ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย สมาพันธ์แรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงาน รวมจำนวน 27 หน่วยงาน ทำการประกาศเจตนารมณ์ “การเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ” ร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสถานประกอบการสนับสนุนให้มารดาขยายวันลาคลอดบุตร และบิดาสามารถลาคลอดบุตรเพื่อช่วยเหลือภรรยาดูแลบุตรได้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ (กฎหมาย:ให้ลูกจ้างลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน โดยได้รับค่าตอบแทน) เนื่องจากงานวิจัยชี้ว่า เด็กแรกเกิดควรได้รับนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต พร้อมกันนี้ยังจัดสวัสดิการให้มีมุมนมแม่ ที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว สร้างความตระหนักรู้และมีส่วนรับผิดชอบสังคม ในการคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงให้สอดคล้องกับสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และมีหลักประกันความมั่นคง
การประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 48 ที่กำหนดให้สิทธิของมารดาในช่วงก่อนและหลังการคลอดบุตรได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลือ อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต เพื่อพัฒนาและยกระดับทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุกช่วงวัย ประกอบกับได้กำหนดให้มีการเตรียมความพร้อมแก่พ่อแม่ในการเลี้ยงดูบุตร และกระตุ้นพัฒนาการของบุตรให้มีความเหมาะสม และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีส่วนสร้างความก้าวหน้าของสังคมควบคู่กับสิทธิด้านแรงงาน รวมทั้งสนับสนุนการสร้างครอบครัวให้ชีวิตของแรงงาน โดยไม่มีปัจจัยเรื่องการมีบุตรมาเป็นอุปสรรคจนเป็นสาเหตุให้ต้องออกจากงาน และมีความสอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดา พ.ศ. 2543 ที่ขยายการคุ้มครองส่งเสริมความเท่าเทียมกันของสตรีทุกคนที่เป็นกำลังแรงงาน ทั้งด้านสุขภาพ และความปลอดภัยของแม่และเด็ก
นอกจากนี้ การประกาศเจตนารมณ์ อยู่ในช่วงวันสำคัญของประเทศ คือ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม จึงนับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมบทบาทผู้หญิงในฐานะแม่ และบทบาทของผู้ชายในฐานะพ่อ ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันในการเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และร่วมสร้างครอบครัวไทยให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง
ทั้งนี้ การประกาศเจตนารมณ์ฯ มีแนวปฏิบัติของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการเสริมพลังบทบาทหญิงและชายเพื่อการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีคุณภาพ คือ
- ให้พนักงานชาย ลาเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้ 15 วัน
- ให้พนักงานหญิง ลาคลอดบุตรได้ 120 วัน
- ให้มีมุมนมแม่ ที่มีความสะอาด และปลอดภัย
- ส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว สร้างความรักความผูกพัน และให้โอกาสบิดาและมารดาเพื่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น
- สร้างความตระหนักรู้และคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงให้สอดคล้องกับสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์และมีหลักประกันความมั่นคง
สิทธิของแรงงานหญิงและครอบครัว เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนในสังคมต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การทำงานและการสร้างครอบครัวเดินควบคู่กันไปได้ โดยการประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการขับเคลื่อนนโยบายให้มาสู่การปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้อย่างชัดเจน