ภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วม-น้ำหลาก นับเป็นปัญหาเรื้อรังของพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่บนแนวน้ำหลากเชิงเขา สภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นแอ่ง โอบล้อมด้วยเทือกเขาซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำลำคลองหลายสาย สายน้ำจะไหลจากทิศเหนือผ่านตัวเมือง แล้วไปไหลรวมกันก่อนระบายสู่ทะเล แต่เมื่อฝนตกหนักน้ำจากแม่น้ำทุกสายจะมีปริมาณมาก และหลากเข้าท่วมตัวเมืองเป็นประจำทุกปี ทำให้เกิดความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน พื้นที่ทางการเกษตร และเกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานของโครงการตามนโยบายรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยครอบคลุมพื้นที่
7 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลไชยมนตรี ตำบลท่าเรือ ตำบลบางจาก ตำบลท่าไร่ อำเภอเมือง และตำบลนาสาร ตำบลช้างซ้าย ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม ลักษณะของโครงการฯ จะเป็นการดำเนินการงานขุดคลองระบายน้ำสายใหม่ 3 สาย ความยาวรวม 18.64 กิโลเมตร พร้อมอาคารประกอบ สามารถระบายน้ำได้ 650 – 750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที งานปรับปรุงคลองวังวัว ความยาว 5.90 กิโลเมตร พร้อมอาคารประกอบ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ 850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และงานปรับปรุงคลองหัวตรุด ความยาว 11.90 กิโลเมตร พร้อมอาคารประกอบ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการงานก่อสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำอีก 7 แห่งด้วย
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานทั้งสิ้น 6 ปี ตั้งแต่ ปี 2561-2566 หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่รับประโยชน์สองฝั่งคลอง 17,400 ไร่ สามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตเมืองนครศรีธรรมราช และลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณ 90% ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง คิดเป็นครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 32,253 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค และการเกษตรในฤดูแล้ง
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ดำเนินการจัดหาที่ดินตามแผนของโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 จนถึงปัจจุบันปี 2563 สามารถจัดหาที่ดินและปักหลักเขตไปแล้ว 1,712 แปลง จากเนื้อที่ทั้งหมด 1,770 แปลง (จำนวน 2,616 ไร่) ดำเนินการจ่ายค่าทดแทนแล้ว 1,208 แปลง (จำนวน 1,751 ไร่) หรือกว่า 67% ของเนื้อที่ทั้งหมด โดยภายในเดือนธันวาคม 2563 นี้ จะดำเนินการจ่ายค่าทดแทนที่ดินอีก 161 แปลง เนื้อที่ 183 ไร่ และมีความพร้อมที่จะจ่ายค่าทดแทนที่ดินในส่วนที่เหลือ ซึ่งขั้นตอนในการจัดหาที่ดินนั้น จะต้องใช้ระยะเวลานานเนื่องจากปัจจัยประกอบในหลายด้านรวมทั้งข้องกับเอกสารจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากในการดำเนินการ
“ความก้าวหน้าการดำเนินงานของโครงการฯ ปัจจุบันในส่วนของงานที่กรมชลประทานดำเนินการเอง 3 งาน ได้แก่ งานเพิ่มประสิทธิภาพคลองระบายน้ำท่าเรือ – หัวตรุด มีคืบหน้า 38% งานประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ – หัวตรุด ช่วงกม.0+215 คืบหน้าแล้วกว่า 59% และ กม.9+200 คืบหน้าไปแล้ว 60% ส่วนงานก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย 3 พร้อมอาคารประกอบ กรมชลประทานได้จ้างเหมาดำเนินการ แยกเป็นงานจ้าง 3 สัญญาด้วยกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานจัดหาที่ดินและส่งมอบพื้นที่ให้ดำเนินงานโครงการฯ” นายประพิศกล่าว
ทั้งนี้ โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นอีกหนึ่งความหวังของชาวนครศรีธรรมราช ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ และการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากของเมืองนครศรีธรรมราชได้อย่างยั่งยืน