เอสโซ่และบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย สนับสนุนโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน

กรุงเทพฯ – บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย ร่วมกับโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน รณรงค์ส่งเสริมให้พนักงานทั้งที่กรุงเทพฯ และ โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชาช่วยกันลดขยะพลาสติก ซึ่งกิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คุณราตรีมณี ภาษีผล (ที่3 จากขวา) กรรมการและผู้รับผิดชอบสูงสุดสายการเงินและบัญชี  พร้อมด้วย คุณจุฑารัตน์ วารีชื่นสุข (ที่3 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน นำทีมคณะทำงานส่งมอบพลาสติกแข็งจำนวน 450 กิโลกรัม และ พลาสติกยืดจำนวน 30 กิโลกรัม ให้แก่ คุณรัมภ์รดา นินนาท (ที่ 2 จากขวา) รองผู้อำนวยการเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) ณ สำนักงานใหญ่เอสโซ่

จากสถานการณ์โควิด 19 ที่มีการ work from home มากขึ้น ทำให้การใช้บริการเดลิเวอรี่หรือซื้อกลับไปทานที่บ้านเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ อีกทั้งบางร้านอาหารปฏิเสธที่จะรับภาชนะใช้ซ้ำที่ลูกค้านำมาเองจากบ้าน เนื่องจากห่วงเรื่องสุขอนามัยและการแพร่ขยายของเชื้อไวรัสโคโรนา สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ทางบริษัทฯ จึงหันมากระตุ้นจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งเสริมการแยกขยะและทำความสะอาดเพื่อให้เกิดการจัดการขยะที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น และกระตุ้นเตือนความใส่ใจเรื่องการจัดการปัญหาของขยะพลาสติกในสังคมไทยที่เพิ่มมากขึ้น 

ดร.ทวีศักดิ์ บรรลือสินธุ์ และคุณยุทธนา เอื้ออัมพร

ช่วงที่เราเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 มีการล็อกดาวน์ และ Work From Home ก็เห็นชัดเจนว่า มีการส่งเดลิเวอรี่เยอะ เพราะคนไม่สามารถออกไปทานอาหารนอกบ้านได้ ก็ส่งผลทำให้เกิดขยะพวกนี้เพิ่มขึ้นถึง 15% จากการใช้บริการรับส่งอาหาร ตามรายงานของกรมควบคุมมลพิษ เราก็เลยคิดว่า น่าจะมีโครงการที่จะรณรงค์ในการนำขยะเหล่านั้นมาใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยการ Recycle และ Upcycle สำหรับขยะที่คัดแยกนั้นมีหลายหมวดตามที่ TRBN รวบรวมไว้ แต่หลัก ๆ ถังรองรับของโครงการ “ส่งพลาสติกกลับบ้าน” นี้จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ พลาสติกยืด” และ พลาสติกแข็ง” พลาสติกแข็ง ก็คือพวกขวดเพชรหรือแก้ว ส่วนพลาสติกยืด ก็เช่น ถุงพลาสติก โดยพลาสติกแข็ง ก็จะนำไป Upcycle เพื่อทำเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ (PPE: Personal Protective Equipment) ส่วนพลาสติกยืดก็จะนำไป Recycle เป็นเม็ดพลาสติกก่อนแล้วค่อยนำไปทำเป็นของใช้ เช่น ถุงหูหิ้ว ถุงช้อปปิ้ง หรือภาชนะพลาสติกอื่น ๆ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ไม่สร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อม” ดร.ทวีศักดิ์ กล่าว

Advertisement
ผู้บริหารและพนักงานจากหลากหลายแผนก รวมกลุ่มกันเป็นจิตอาสาทำโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน

โครงการ “ส่งพลาสติกกลับบ้าน” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด Waste Management ที่เอสโซ่ยึดถือมาโดยตลอด ซึ่งสำหรับจุดนำร่องของโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน” นอกเหนือจากที่สำนักงานใหญ่ของเอสโซ่แล้ว ยังมีอีกหลายจุด เช่น สิงห์ คอมเพล็กซ์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ.สแควร์, แบมบีนี่ วิลล่า, บรอกโคลี เรโวลูชั่น, เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50,เดอะ คอมมอนส์ ทองหล่อ,ซีพี เฟรชมาร์ท สุขุมวิท 39, Veggiology สุขุมวิท 41, Biohouse สุขุมวิท 39, ร้านบุงตงกี่ สุขุมวิท 49, ฟูจิซุปเปอร์สาขาสุขุมวิท 33/1, บมจ.เซปเป้ ถ.รามคำแหง และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image