รู้รอบเรื่องโควิด-19 น้ำใจจากนานามิตรประเทศช่วย ‘ไทย’ สู้โควิด-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับเป็นภาวะวิกฤตทางการแพทย์และสาธารณสุขที่นานาประเทศต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยนอกจากการเดินหน้าควบคุมป้องกันโรคภายในประเทศของตนอย่างสุดความสามารถแล้ว การช่วยเหลือร่วมมือกันระหว่างประเทศต่างๆ ในทุกวิถีทาง ยังเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทั่วทุกมุมโลก

เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ทุกภาคส่วนยังคงมุ่งมั่นในการควบคุมป้องกันโรคอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนภาคประชาสังคม รวมถึงประชาชนคนไทยที่เคร่งครัดในมาตรการดูแลตนเอง ทั้งใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือบ่อยๆ และเข้ารับการฉีดวัคซีน ขณะเดียวกันประเทศไทยยังได้รับน้ำใจจากมิตรประเทศในการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และเวชภัณฑ์อื่นๆ ที่ส่งมอบมาให้ใช้เป็นอาวุธสำคัญในการต่อกรกับโควิด-19

เริ่มต้นจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่บริจาควัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อซิโนแวค จำนวน 1,000,000 โดส ให้แก่รัฐบาลไทย (2 รอบ) รอบแรกวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 และรอบที่ 2 วันที่ 5 มิถุนายน 2564 รอบละ 500,000 โดส ประเทศญี่ปุ่น ได้บริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ ซึ่งผลิตภายใต้ใบอนุญาตที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จำนวน 1,053,090 โดส สำหรับสหรัฐอเมริกา ได้บริจาควัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1,503,450 โดส ให้กับประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ด้วยเหตุผลว่า “มอบให้แก่ประเทศไทย พันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของเราในเอเชีย” และสหราชอาณาจักรได้บริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประเทศไทยจำนวน 415,000 โดส เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์จากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบด้วย ชุดตรวจ Antigen Test Kit จำนวน 1,100,000 ชุด และเครื่องช่วยหายใจ (ventilator) จำนวน 102 เครื่อง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 และภายใต้หลักการแลกเปลี่ยนวัคซีนกันระหว่างรัฐบาลไทยและภูฏาน จำนวน 150,000 โดส โดยไทยจะส่งคืนวัคซีนจำนวนดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งวัคซีนข้างต้นจากภูฏานได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว จากนั้นจะกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อฉีดให้กับประชากรกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อลดการป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19

Advertisement

เมื่อเห็นนานามิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาอย่างยาวนานได้ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้บ้านเราพ้นวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่แล้วอดปลาบปลื้มใจไม่ได้ ดังนั้น ในฐานะประชาชนคนไทยคงต้องเคร่งครัดในมาตรการในการดูแลตนเองยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อถึงคิวฉีดวัคซีน เพื่อสังคมไทย สู้โควิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image