ตลาด DW ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้ามาในตลาดนี้ นอกจากความรู้พื้นฐาน DW ที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดก่อนเริ่มเทรดแล้ว (เช่น DW คืออะไร, หุ้น DW คือ, ความเสี่ยง DW, SET50 DW คืออะไร, DW CALL และ DW PUT เป็นต้น) คำถามยอดฮิตของนักลงทุนหน้าใหม่ที่เริ่มศึกษา มักจะเกี่ยวข้องกับวิธีการเลือก DW หรือ เลือก DW อย่างไรดี หรือ DW ค่ายไหนดี 2564
แต่คำตอบที่ได้จากการค้นหาดูมักจะคล้าย ๆ กันหมด ที่บางทีเราอาจจะยิ่งอ่านและยิ่งงง โดยเป็นการอ้างอิงจากตำราทฤษฎีออปชั่นแนว ๆ ว่า ต้องเอา DW มาเปรียบเทียบกันผ่านค่าที่เรียกว่า Implied Volatility แล้วหาอันที่ค่าถูกที่สุด แทนที่จะได้คำตอบที่ต้องการ กลับต้อง search เพิ่มอีกหลาย ๆ ต่อว่าค่านี้หายังไง และเอาไว้ใช้ยังไง อ่านไปอ่านมาหุ้นอ้างอิงที่เรากำลังดูอยู่ก็พุ่งขึ้นไปแล้ว หรือไม่ก็จบลงที่ว่าไม่เทรดดีกว่า
ถ้าเปรียบเทียบการเลือก DW กับการเลือกซื้อของออนไลน์ ก็เหมือนเรากำลังเลือกของว่าจะซื้อจากร้านค้าไหนดีบนแพลตฟอร์มช้อปออนไลน์ ในทางปฏิบัติแล้วนอกจากจะเลือกของที่ราคาถูกแล้ว ยังต้องดูอีก
หลาย ๆ อย่าง ราคาถูกแล้วมีคนซื้อเยอะไหม ถ้าราคาถูกแต่ไม่มีคนซื้อเลยก็ต้องระวัง หรือร้านค้านี้มีประวัติการขายมายาวนานขนาดไหน ร้านค้าหนึ่งได้ 5 ดาวจากคน review ทั้งหมด 5 คนพร้อมคำโฆษณาชวนเชื่อ ก็อาจไม่น่าสนใจถ้าเทียบกับอีกร้านหนึ่งได้ 5 ดาวเหมือนกันจากคน review 10,000 คน สังเกตดูว่าการเลือกซื้อของ จริง ๆ แล้วสิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุด คือ ความน่าเชื่อถือของร้านค้า เช่นเดียวกับการเลือก DW เองนั้น สิ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือ ความน่าเชื่อถือของค่าย DW หรือที่เรียกว่า ผู้ออก DW นั่นเอง
เลือกซื้อ DW ค่ายไหนดี จึงเป็นคำถามที่เราควรถาม เนื่องจากผู้ออก DW ที่มีประวัติการออก DW มายาวนาน จะมีนักลงทุนซื้อขายอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความน่าเชื่อในการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) เพราะการเทรด DW นั้นมักจะมีการซื้อมาขายไปตลอด ยิ่งถ้าตลาดแกว่งรุนแรงมาก ๆ DW ที่ผู้ดูแลสภาพคล่องมีความน่าเชื่อถือจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าสามารถขาย DW คืนได้ในราคาที่ถูกต้อง ซึ่งผู้ออกจะมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการวาง Bid-Offer เพื่อรับซื้อหรือขาย แม้กระทั่งในช่วงที่ตลาดแกว่งตัวแรง ยิ่งผู้ออกที่มีการออก DW ให้เลือกเยอะและเทรดเยอะก็จะมีการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ที่สูงตามเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนด้วย
ตั้งแต่ DW ตัวแรกที่เริ่มซื้อขายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552 ที่ออกโดยบล.เคจีไอ หรือค่าย DW13 (ที่เรียกว่า DW13 เพราะ13 เป็นหมายเลขของ บล.เคจีไอ) จึงทำให้ DW13 ถือว่าเป็นผู้ออก DW ที่มีประวัติยาวนานที่สุดในประเทศไทย และจากข้อมูลในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ ( ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2564 ) จะเห็นว่า DW13 ครองสัดส่วนมูลค่าซื้อขายสูงสุดถึง 50% หรือคิดเป็นมูลค่าซื้อขายทั้งหมดที่ 785,475 ล้านบาทในปี 2564 มูลค่าซื้อขายที่สูงสามารถสะท้อนได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ที่ดูแลสภาพคล่องของ DW อีกทั้งตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน ทาง KGI DW13 ได้ออก DW มามากถึง 802 ตัว ซึ่งนอกจากจะแสดงถึงความหลากหลายของ DW ที่ออกมาให้นักลงทุนเทรด ยังช่วยแสดงถึงความสามารถในการดูแลสภาพคล่องของ DW ที่มีหลาย ๆ ตัวพร้อมกันในกระดานซื้อขาย
ที่มาข้อมูล : บทความ “เทรด DW ค่ายไหนดี”
ถ้าเราเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่านักลงทุนควรใช้ปัจจัยอะไรในการเลือกค่าย DW ปัจจัยที่ต้องระวังอีกอย่างคือ เรื่องของการคิด Time Decay ของผู้ออก DW ที่ต่างกัน โดยปกติแล้วมูลค่าของ DW ที่นักลงทุนถือครองไว้จะลดลงไปเรื่อย ๆ ในกรณีราคาหุ้นไม่ไปไหน ซึ่งมูลค่าที่ลดลงตรงนี้เรียกว่า Time Decay นั่นเอง อ้างอิงจาก www.thaiwarrant.com ได้ย้ำว่าโดยปกติแล้วเราควรเลือกเทรด DW ที่ค่ายผู้ออกนั้นคิด Time Decay รวมวันเสาร์อาทิตย์ด้วย เพราะจะทำให้มูลค่า Time Decay ต่อวันของ DW ถูกกว่า DW ของค่ายผู้ออกที่มีการโฆษณาว่าไม่คิด Time Decay เสาร์อาทิตย์ 
ที่มาข้อมูล : บทความ “เสาร์-อาทิตย์ กับ Time Decay ไม่รู้.. ไม่ได้”
ความน่าเชื่อถือของผู้ออก DW ยังรวมถึงการให้ข้อมูลของผู้ออกที่มีความโปร่งใสแก่นักลงทุน ซึ่งโดยปกติแล้วนักลงทุนที่เทรด DW เป็นประจำจะเข้าไปดูข้อมูล ตาราง DW หรือที่เรียกว่าตารางราคาในเว็บไซต์ของผู้ออก DW ที่เราเลือก ตารางราคาจะเป็นตัวแสดงความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวราคา DW เมื่อราคาหุ้นอ้างอิงขยับขึ้นลง ทำให้เราสามารถวางแผนการลงทุนได้ล่วงหน้า หรือหาจุดเข้าจุดออก DW ไว้ก่อนได้ โดยผู้ออกบางรายจะแสดงตารางราคาไว้ล่วงหน้าไปอีกหลาย ๆ วันเพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่นักลงทุนที่ต้องการถือ DW ต่อไปอีก (นักลงทุนสามารถดูรูปตัวอย่างตารางราคาได้ข้างล่าง)
ที่มาข้อมูล : www.thaiwarrant.com
