หลายๆคนคงคิดว่าการมีผิวหน้าที่ดีนั้นมาจากการทาครีมบำรุงที่มีราคาแพง การทำสปาหน้าหน้า หรือ การเข้าคลินิกรักษาผิว เพียงอย่างเดียว แต่แท้ที่จริงแล้วคุณสามารถมีผิวหน้าที่ดีได้ง่ายๆ เพียงแค่บำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก เพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพเผยผิวใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นเคล็ดลับของผิวหน้าที่กระจ่างใส สุขภาพดี ในแบบที่ใครหลายๆคนยังไม่รู้ แต่วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับกันอย่างละเอียด มีอะไรบ้างตามมาดูในหัวข้อต่อไปได้เลยค่ะ
โปรแกรมเมโสมีประโยชน์อย่างไร? ช่วยเรื่องอะไร?
โปรแกรมเมโสหน้าใส คือ การทำทรีทเม้นท์บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ด้วยการนำส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิวโดยตรงซึ่งมีอยู่ในครีมบำรุงต่างๆ มาทำให้สามารถฉีดเข้าในชั้นผิวได้โดยตรง เป็นการบำรุงผิวโดยการฉีดตัวยาเข้าผิวโดยตรงทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ไวขึ้น จึงเห็นผลลัพธ์ผิวดีขึ้นในระยะเวลาที่สั้นกว่าการทาครีมเพราะสารสกัดจากครีมบำรุงต้องใช้เวลาในการดูดซึม ในขณะที่โปรแกรมฉีดเมโส จะเริ่มเห็นผลได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังฉีด เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีและผิวกระจ่างใสขึ้น
โปรแกรมฉีดเมโส VS โปรแกรมฉีดมาเด้คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีดเมโส คือ การให้อาหารผิวโดยฉีดสารบำรุงวิตามิน ที่มีประโยชน์เข้าไปที่ใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าแล้วสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มคอลลาเจน ทำให้ผิวกลับมาสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งจะสามารถแบ่งตัวยาออกมาได้ 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่เน้นช่วยให้หน้าขาว ที่จะมีส่วนผสมของ Glutatione, Vitamin A, B, C, E Transamin
- กลุ่มที่เน้นช่วยให้หน้าใส ที่จะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ ที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน และ ทำให้หน้าใสขึ้น
- กลุ่มที่เน้นช่วยในการลดสิว ที่มีส่วนผสมของ พลาสเซนต้า (Placenta) คอลลาเจน (Collagen) แร่ธาตุเอนไซม์ และ วิตามินรวม ที่จะช่วยลดสิว ผดผื่น ลดการอักเสบ ขับสารพิษ และ ช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ซึ่งเราจะเรียกว่าตัวยากลุ่มนี้ว่ามาเด้ คอลลาเจน (MADE Collagen) นั่นเอง
โปรแกรมฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นยี่ห้อหนึ่งของกลุ่มตัวยาในโปรแกรมเมโส ที่ได้รับความนิยมเพราะมีคุณสมบัติสำคัญ คือ ช่วยลดสิวอักเสบ สิวผื่น อาการแพ้บริเวณผิวหนังเปลี่ยนจากผิวแห้งกร้านมาเป็นผิวนุ่มชุ่มชื้น ช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีและช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของน้ำเหลือบริเวณใบหน้าให้ดีขึ้นด้วยเทคนิคการฉีดกระจาย 16 จุดตามตำแหน่งน้ำเหลืองบนใบหน้าซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดเฉพาะสำหรับมาเด้คอลลาเจนเท่านั้น ตัวยาจะกระจายตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองเข้าสู่ชั้นผิวได้เต็มที่ มีรอยเข็มและรอยช้ำน้อยกว่าการฉีดแบบสะกิดทั่วใบหน้า ทำให้เห็นผลดีขึ้น ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่าเดิม
ยี่ห้อของโปรแกรมเมโสที่นิยม มีอะไรบ้าง? แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร?
– MADE Collagen ช่วยขับสารพิษ ลดอาการแพ้บนผิวหน้า ลดอาการอักเสบและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว รวมถึงช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย มีผดผื่น หรือสิวอักเสบ สามารถเห็นผลได้ดีเมื่อฉีดต่อเนื่อง 3-4 ครั้งขึ้นไป
Cytocare ไซโตแคร์ ลดเม็ดสีฝ้ากระได้ดี กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว รวมถึงเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า หลังทำจะรู้สึกว่าผิวหน้าลื่นขึ้น ผิวเนียนขึ้น
Tensonez / Depigment ช่วยให้หน้าขาวใสและลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า แนะนำทำร่วมกับการเลเซอร์ลดเลือนเม็ดสีเมลานิน และทาครีมกันแดดเพื่อลดการเกิดใหม่ของฝ้า
Filorga ช่วยลดฝ้าปรับให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น สามารถทำร่วมกับเลเซอร์กลุ่ม Fractional เพื่อลดเลือนเม็ดสีเมลานิน
Alpha albutin ช่วยลดรอยฝ้ากระ จะได้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นหากทำร่วมกับเลเซอร์ผิว
Filorga ช่วยลดฝ้า ให้ผิวชุ่มน้ำ แนะนำทำร่วมกับเลเซอร์เผื่อผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนเม็ดสีเมลานิน
Alpha albutin เน้นลดรอยฝ้า กระ ลดการสะสมของเม็ดสีเมลานิน ค่อยๆปรับสีผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ทำคู่กับเลเซอร์จะเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น
โปรแกรมฉีดเมโส ดีอย่างไร?
- เป็นการให้สารบำรุงผิวแบบล้ำลึกเห็นผลไวกว่าการทาครีมบำรุงและแก้ไขปัญหาผิวได้ผลชัดเจน
- ผิวหน้าสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้ได้ทันทีเพราะเป็นการฉีดตัวยาเข้าผิวหน้าโดยตรง
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังการฉีด รอยแดงสามารถหายไปได้ภายใน 2-3 วัน
- ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้ถึงต้นตอปัญหา รวมถึงสารสกัดของโปรแกรมเมโสบางยี่ห้อ อย่างโปรแกรมมาเด้คอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวยาที่ช่วยดีท็อกซ์ล้างพิษในผิวให้ผิวแข็งแรงพร้อมเปิดรับการบำรุงอีกด้วย
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลือง ช่วยให้ผิวสุขภาพดีจากภายใน
- สามาถทำต่อเนื่องได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้บนใบหน้า มีผลข้างเคียงต่ำหากใช้ตัวยามาตรฐานผ่านอย. และฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
โปรแกรมเมโสต้องฉีดกี่ครั้งเห็นผล? และต้องทำได้บ่อยแค่ไหน?
จะเริ่มเห็นผลวันที่ 3 หลังการฉีด และเริ่มเห็นผลชัดเจนในวันที่ 7-14 หลังการฉีด
คำแนะนำสำหรับโปรแกรมฉีดเมโส แนะนำฉีดสัปดาห์ละครั้งในช่วง 1 เดือนแรก และในเดือนต่อไปฉีดทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการรักษาสภาพผิวที่ดีเอาไว้
หลังฉีดโปรแกรมเมโส ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ของโปรแกรมเมโส จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน และจะสลายหายไปเองตามธรรมชาติ แนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการคงสภาพผิว
ในขณะรับบริการโปรแกรมฉีดเมโสเจ็บมั้ย?
ขั้นตอนของโปรแกรมฉีดเมโส เป็นการนำเข็มมาสะกิดเล็กน้อยบนผิวหน้าแบบตื้นๆทั่วใบหน้า จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย ซึ่งเป็นความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้แบบสบายๆ อีกวิธีคือการฉีดกระจาย16จุดตามตำแหน่งการไหลเวียนโลหิตและต่อมน้ำเหลือง รอยสะกิดแผลจะน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า
ถ้าหยุดฉีดเมโสแล้ว ผิวหน้าจะเป็นอย่างไร?
ตัวยาเมโสเป็นการฉีดเพื่อบำรุง ชะลอการแก่ของผิว หากหยุดฉีดก็เหมือนผิวขาดการบำรุงต่อเนื่อง สภาพผิวเมื่อหยุดฉีดอาจหมองคล้ำลง หรือมีผดผื่นกลับมาขึ้นได้อีก เนื่องจากถูกทำร้ายจากมลภาวะที่รอบตัวอย่างเป็นประจำแต่ไม่ได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกที่สม่ำเสมอ แนะนำฉีดต่อเนื่องร่วมกับการทาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับผิว
หลังฉีดโปรแกรมเมโสแล้วผื่นขึ้น เกิดจากอะไร?
สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
- เกิดจาก ตัวยาที่ใช้ไม่ได้รับมาตรฐานและไม่ผ่านอ.ย.
- แพทย์ผู้ทำหัตถการขาดความชำนาญ
- เกิดจากการทำความสะอาดผิวหน้าก่อนการฉีดไม่ดีพอ
- เกิดจากการแพ้แอลกอฮอล์ที่ใช้ในการทำความสะอาดผิว
- เกิดจากการสัมผัสผิวหน้าหรือดูแลความสะอาดได้ไม่ดีพอหลังจากโปรแกรมฉีดเมโส
ทำไมฉีดโปรแกรมเมโสแล้วไม่เห็นผล
- เกิดจากความคาดหวังต้องการเห็นผลเร็วทันทีและผิวหน้าขาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง สำหรับตัวยาเมโสให้ผลดีชัดเจน กรณีผิวหน้าแห้ง หรือมีผดผื่นแพ้ง่าย บางรายเห็นผลดีขึ้นหลังฉีดเพียงหนึ่งเข็ม แต่บางรายหากผิวหน้ามีปัญหามากอาจต้องฉีดต่อเนื่อง 2-3 เข็มหรือรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับปัญหาผิวหน้าของคนไข้แต่ละคน
- เกิดจากการใช้ตัวยาที่ผิดประเภทหรือใช้ปริมาณยาที่ไม่เหมาะสมหรืออาจมีการผสมน้ำเกลือในตัวยามากเกินไป
- บางปัญหาไม่สามารถเห็นผลได้จากการฉีดเมโสเพียงอย่างเดียว เช่น ปัญหารอยกระ ฝ้า จำเป็นต้องป้องกันไม่ให้รอยฝ้ากระเข้มขึ้นด้วยการทาครีมกันแดดและทำให้รอยดำจางลงด้วยการเลเซอร์ลดเลือนรอยดำร่วมด้วย จะได้ผลดียิ่งขึ้น
โปรแกรมเมโสเหมาะกับใครบ้าง?
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าอย่างเร่งด่วน
- เหมาะกับคนที่พักผ่อนน้อยไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
- เหมาะกับคนที่ทาครีมบำรุงแล้วไม่เห็นผล
- เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นฝ้าจุดด่างดำและรูขุมขนกว้าง
- เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีผิวหน้าขาวใสภายใน 7 วัน
ใครบ้างไม่สามารถฉีดโปรแกรมเมโสได้
- สาวๆที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่ป่วยมีภาวะความดันโลหิตที่ไม่ปกติ
- ผู้ที่ระบบไหลเวียน และ การแข็งตัวของเลือด มีปัญหา
- ผู้ที่มีอาการแพ้สารบำรุง และ สารวิตามิน ที่ใช้เสริมความงาม
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ เป็นสิวอักเสบรุนแรง กรณีผิวหนังติดเชื้อควรรักษาให้หายดีก่อน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
ผลข้างเคียงของโปรแกรมฉีดเมโส?
- อาจอาการแดงของรอยเข็มเล็กๆทั่วใบหน้า จะหายไปเองใน 2-3 วัน
- หากใช้ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน และ ฉีดโดยแพทย์ผู้ขาดความชำนาญอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้
หลังฉีดโปรแกรมเมโสแล้วต้องปฎิบัติตัวอย่างไร?
– งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ บุหรี่ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวอ่อนแอ
– งดทาครีมบำรุงบริเวณใบหน้า 1 คืน หลังจากโปรแกรมฉีดเมโส
– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินจากการฉีดโปรแกรมเมโสได้ดีขึ้น
– งดการออกแดดจัด หรือ กิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่นการอาบแดด อบซาวน่า อย่างน้อย 48 ชม.
– ทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ ขึ้นไปเป็นประจำ
– งดการใช้มือ กดนวดใบหน้าบริเวณที่ฉีดโปรแกรมเมโส
– ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และ ทำให้การดูดซึมสารวิตามินได้ดีขึ้น
เลือกโปรแกรมฉีดเมโสที่ไหนดี
- ควรเลือกคลินิกที่มีการแจ้งชื่อ และ ประวัติแพทย์ที่ประจำคลินิก
- แพทย์ในคลินิกต้องมีใบประกอบวิชาชีพทุกคน และต้องมีติดไว้ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ง่าย
- คลินิกมีช่องทางการติดต่อที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลาเช่น Facebook, Page IG , Line@ และ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้จริง
- ต้องมีป้ายชื่อคลินิกชัดเจน และ มีเลขใบอนุญาต 11 หลัก
- สามารถหาข้อมูลการรีวิวผลงานของแพทย์ในเว็บกลาง
- คลินิกมีสถานที่ตั้งชัดเจนและสามารถเดินทางได้สะดวก
รีวิวโปรแกรมฉีดเมโส
สรุปโปรแกรมเมโสคุ้มค่าที่จะทำหรือไม่
โปรแกรมฉีดเมโสถือเป็นวิธีการบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก โดยการผลักวิตามินและอาหารผิวที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวหนังได้โดยตรง ทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาที่สั้น มากกว่าการทาครีมบำรุงหรือการดูแลผิวด้วยวิธีอื่นหลายเท่า แนะนำเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงในด้านนี้โดยตรง เพราะจะทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและไม่ต้องเสี่ยงต่อตัวยาไม่ได้มาตรฐานที่ฉีดเข้าไปแล้วอาจทำให้ผิวหน้าแพ้ได้ สามารถเริ่มฉีดโปรแกรมเมโสได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการเติมคอลลาเจนและวิตามินที่มีประโยชน์ให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด