คุยกับ ‘หมอเปียง-นพ.กันตพงศ์ ทองรงค์’ หมอไฟแรงผู้ปลุกปั้นคลินิกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไข้

รู้จัก ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ พื้นที่เคลียร์ทุกอาการบาดเจ็บ ครบจบทุกขั้นตอนของ ‘หมอเปียง-นพ.กันตพงศ์ ทองรงค์’ หมอหนุ่มไฟแรง ที่นอกจากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้านท่องเที่ยวแล้ว ยังสวมหมวกอีกใบเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร และอาจารย์ คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบันเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ไหลบ่าเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คน เราจึงพบเห็นคนใช้โทรศัพท์มือถือหรือใช้แทบเล็ตกันแทบจะตลอดเวลา เห็นคนในที่ทำงานจ้องแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ จนนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพ 

หนึ่งในนั้น คือ อาการปวดเรื้อรังอย่าง ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ยังไม่นับรวมถึงความกดดันต่างๆ ในการใช้ชีวิต ความเร่งรีบ การขาดการออกกำลังกาย การพักผ่อนไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นชนวนที่นำไปสู่อุบัติเหตุและโรคภัย

การรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่างๆ ยา และการผ่าตัด อาจช่วยให้ผู้ป่วยทุเลาจากโรค แต่การดูแลให้ผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จำเป็นต้องใช้ เวชศาสตร์ฟื้นฟู ศาสตร์การรักษาที่จะเข้ามาช่วยเคลียร์จบทุกอาการ เพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ป้องกันอาการที่อาจส่งผลให้พิการ เพิ่มคุณภาพชีวิต ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีที่สุด

ADVERTISMENT

…หนึ่งในคลินิกด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ได้รับการยอมรับคือ ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ (PYONG Rehabilitation Clinic) คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม-เวชศาสตร์ฟื้นฟู โดย ‘หมอเปียง-นพ.กันตพงศ์ ทองรงค์’ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ผู้ก่อตั้งคลินิกนี้ด้วยปรารถนาให้คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

รู้จัก ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’

คลินิกฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยหลากวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

ที่ชั้น L ในพื้นที่ศูนย์การค้าใจกลางเมืองอย่าง Gaysorn Village เป็นที่ตั้งของ ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ (PYONG Rehabilitation Clinic) คลินิกเวชกรรมและเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ ‘หมอเปียง’ ตั้งใจปลุกปั้นขึ้นมาด้วยแพชชันที่อยากนำความถนัดและความชื่นชอบของตนเองมาเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของคนไทย ให้มีสุขภาพที่ดี รู้จักวิธีป้องกันตนเองจากอาการร้ายๆ ต่างๆ 

มากกว่านั้นยังเป็นพื้นที่ของการรักษา และดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการใช้ประสบการณ์ในฐานะแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูกว่า 10 ปี

หมอเปียงเล่าว่า ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ ตัดริบบิ้นมาแล้วราวๆ 2 ปี วินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางทุกขั้นตอน เปิดพื้นที่ให้กับคนที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ปวดกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ ผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย คนที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดสะโพก ข้ออักเสบ การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาการที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย ปวดเรื้อรัง รวมถึงกลุ่มที่มีปัญหาจากอาการออฟฟิศซินโดรม เพราะปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตแทบทั้งสิ้น

เวชศาสตร์ฟื้นฟู เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการรักษามานานแล้ว เป็นศาสตร์แขนงใหญ่ที่รวมเอาหลายศาสตร์ไว้ด้วยกัน ครอบคลุมทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการกายภาพบำบัด 

จุดมุ่งหมายคือการฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากที่สุดหลังเสร็จขั้นตอนรักษา ผ่านการรักษาในหลากหลายวิธี ตั้งแต่การนั่งพูดคุย การวินิจฉัย การรักษาด้วยการให้ยา การทำหัตถการ การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี การทำกายภาพบำบัด การอัลตราซาวนด์ การทำ MRI รวมถึงการให้ข้อแนะนำสำหรับการปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและวิธีการออกกำลังกาย เรียกได้ว่าครบวงจรตั้งแต่เปิดประตูจนถึงการจ่ายใบรับรองแพทย์

“เรามีคุณหมอเฉพาะทางที่มีใบประกอบโรคศิลปะทั้งหมด 4 ท่าน โดยคุณหมอจะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ในเรื่องการวินิจฉัยเราใช้เวลามากถึง 30 นาที เพื่อพูดคุยและหาสาเหตุของอาการ โดยเน้นถึงต้นเหตุของโรค การเข้าใจถึงลักษณะอาการ เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง แก้ไขตรงจุด เห็นผลชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น กล่าวคือ เราไม่ได้เน้นการรักษาด้วยวิธีใดวิธีวิธีหนึ่งเท่านั้น หากแต่ฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยหลากหลายวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

ทั้งนี้ ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ ให้บริการรักษาอาการปวดจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น

  • ปวดคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทำงานนานๆ หรือใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ
  • อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อ (Tension Headache) และไมเกรน
  • อาการปวดรอบกระบอกตา หัวคิ้ว และขมับ
  • อาการปวดท้ายทอยและฐานกะโหลก ที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดจากจุดกดเจ็บ (Trigger Points)
  • อาการนิ้วล็อก (Trigger Finger) จากการใช้มือและนิ้วอย่างต่อเนื่อง
  • อาการปวดสะโพกและขาเรื้อรัง จากกล้ามเนื้อสะโพกตึงตัวและเส้นประสาทถูกกดทับ

รวมทั้ง อาการบาดเจ็บจากกีฬา อาการปวดในผู้สูงอายุ และความเสื่อม อาการปวดจากระบบประสาทและเส้นประสาทส่วนปลาย

นอกจากนี้ยังมีบริการ การปักเข็ม หรือ ฝังเข็มแพทย์แผนตะวันตก (Dry Needling) ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กปักเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นจุดกดเจ็บ (Trigger point) เพื่อกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนเลือดให้มาเลี้ยงบริเวณที่บกพร่อง ทำให้อาการปวดบรรเทาลง เหมาะสำหรับผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรม, ปวดคอ บ่า ไหล่, ไมเกรน และนักกีฬาที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ

 

AI คือ เป้าหมาย เพื่อยกระดับศาสตร์ว่าด้วยการฟื้นฟู

หมอเปียงเล่าอีกด้วยว่า แพชชันหนึ่งในฐานะที่เป็นแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู คือ อยากทำให้คำว่า ‘เวชศาสตร์ฟื้นฟู’ เป็นที่รู้จักมากขึ้น รู้ว่าเวชศาสตร์ฟื้นฟูคืออะไร ได้รู้ว่าศาสตร์นี้อยู่ในทุกจุดของการใช้ชีวิต รวมถึงการยกระดับการรักษาให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ 

ซึ่งแผนต่อไปของ ‘เปียง รีแฮบบิลิเทชัน คลินิก’ คือ การขยายหรือทำให้คลินิกรับผู้ป่วยได้มากขึ้น เปิดได้เต็มเวลา รวมถึงขยายไปยังกลุ่มคนไข้ต่างๆ ได้มากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการรักษาก็ต้องเข้มข้นขึ้น เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท ภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งตั้งใจจะสร้างเป็นศูนย์ที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุและโรคที่มีความชุกในผู้สูงอายุ เช่น ระบบประสาท ปอด หัวใจ กระดูก ข้อเสื่อม ฯลฯ

“จริงๆ แล้วอาการที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ หรือในกลุ่มที่มีภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย เรามีเทคโนโลยีที่จะเข้ามาซัพพอร์ตเพื่อฟื้นฟูอาการเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ช่วยเดิน สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะอัมพาตครึ่งซีก ผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรง ซึ่งการใช้หุ่นยนต์ควบคู่กับการรักษาจะทำให้ผู้ป่วยกลับสู่ภาวะฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น รวมถึงการนำศาสตร์แห่งอนาคต หรือ AI เข้ามาบูรณาการปรับใช้ควบคู่กับการรักษา ช่วยประเมินโรคและความเสี่ยงต่างๆ ได้มากขึ้น”

หมอเปียงขยายความว่า การนำเครื่องมือเหล่านี้เข้ามาจะช่วยเรื่องความแม่นยำของการวินิจฉัย การตรวจหาสาเหตุของโรคหรืออาการเจ็บปวดได้เร็วและแม่นยำ ซึ่งจะช่วยป้องกันในกลุ่มคนที่ยังไม่มีอาการชัด และสามารถลดระดับอาการปวดของคนที่มีอาการต่างๆ ได้ด้วย โดยเร็วๆ นี้กำลังเปิดเป็นคลินิกเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุและโรคเกี่ยวกับระบบประสาท (Nervous system disease) คาดว่าจะเปิดประมาณกลางปีนี้

สิ่งสำคัญที่หมอเปียงย้ำอีกเรื่องคือ เราต้องไม่ลืมว่าสังคมปัจจุบันคือสังคมที่วิ่งไปข้างหน้า เรากำลังตั้งใจเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนบางครั้งอาจกำลังเพิกเฉยหรือลืมไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ร่างกายของเรา วันนี้ควรต้องกลับมามองไลฟ์สไตล์ของเราว่าทุกๆ การดำเนินชีวิต ได้ส่งผลกระทบต่อการเกิดโรคในอนาคตมากน้อยแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นกำลังบั่นทอนหรือค่อยๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพและกลายเป็นปัญหาต่อคุณภาพชีวิตในอนาคตหรือเปล่า

“การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม หมั่นออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะท้ายที่สุด การป้องกันโรคภัยโดยที่เราไม่ต้องกินยา ฉีดยา คือ การมีร่างกายแข็งแรง นอกจากนั้นหากรู้สึกว่ามีอาการเจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบรักษาหรือไปหาหมอ เพราะถ้าปล่อยไปนานๆ จะเป็นปัญหาเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงคุณภาพชีวิตของเราในอนาคตได้” นพ.กันตพงศ์ ทองรงค์ ปิดท้าย