ระลึกถึง หมอประสาน ต่างใจ

เวลาเชิญคุณหมอประสานไปพูดที่ไหนสักแห่ง ผมเคยแนะนำท่านว่า ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสาน ต่างใจ ท่านบอกว่าไม่ต้องใช้ศาสตราจารย์หรอก ให้ท่านเป็นหมอธรรมดาคนหนึ่งก็พอ

ผมรู้จักคุณหมอประสานผ่าน เมธาวี เลิศรัตนา ที่เข้ามาเป็นลูกทางธรรมหรือลูกทางจิตวิญญาณของคุณหมอ (คุณหมอมีลูกทางจิตวิญญาณเกือบสิบคนเห็นจะได้ แต่ละคนมีบทบาทสืบต่องานของท่านอย่างน่าสนใจ คนหนึ่งซึ่งอยู่ในทีมผู้ก่อตั้งกลุ่มจิตวิวัฒน์คือ ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ เป็นต้น) ทำให้เมธาวีสนใจวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ การเข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ผ่านวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่นี้ ทำให้ชีวิตของเธอมีความหมาย มีดาวเหนือ ไม่หลงทาง สามารถผ่านชีวิตในเมืองหลวงที่บางครั้งยากลำบากและไร้ความหมายมาได้ ต่อมาเมธาวีเป็นคนเขียนเรื่องราววิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ลงในเฟซบุ๊กของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ นำเรื่องราวลึกซึ้งมานำเสนออยู่อย่าง
ไม่ขาดสาย

คุณหมออ่านเอกสารและหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่มานับพันเล่ม อ่านผ่านคอมพิวเตอร์แต่เมื่อยังเป็นตัวหนังสือสีเขียวในพื้นสีดำ ซึ่งต่อมาทำให้ท่านมีปัญหาทางสายตา จนกระทั่งขับรถไม่ได้ในที่สุด จะเห็นได้ว่าท่านอุทิศตนขนาดไหนในการศึกษาเรื่องนี้ กับเมธาวีซึ่งสนใจเรื่องนี้มากๆ เช่นเดียวกัน ท่านจะบอกว่าถามมาสิลูก อะไรก็ได้ การถามคือการเรียนรู้อันสำคัญ และถามอะไรก็ได้ในเรื่องนี้ ท่านมีคำตอบให้หมด นับได้ว่าท่านอ่านอย่างลึกซึ้งพิสดารจริงๆ สรุปรวบยอดเรื่องราวของวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่อย่างเป็นกระบวนระบบจริงๆ

คุณหมอประสานกับวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่
ข้อเขียนชิ้นนี้ คงไม่ใช่การประมวลชีวิตของคุณหมอ แต่เท่าที่ทราบบุพการีของท่านเป็นคนร่ำรวยที่ดิน ในเมืองเกิด จนกระทั่งสมัยหนึ่งกล่าวได้ว่าทุกๆ ที่ที่ไปล้วนมีที่ดินของบิดาของท่าน

Advertisement

ส่วนคุณหมอท่านเป็นคนมีไฟปรารถนาที่ลุกโชติช่วง ช่วงแรกที่ยังไม่พบวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ สมัยหนึ่งท่านเล่นการเมือง พยายามนำสังคมนิยมประชาธิปไตยมาสู่สังคมไทย ท่านเป็นคนที่มาก่อนกาล ท่านยอมรับว่า เรื่องการเมืองนี้ท่านพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า และในปี พ.ศ.2518 อันเป็นช่วงสิ้นเนื้อประดาตัว ผิดหวังกับการเมืองและทุกข์เป็นที่สุดนั้น ท่านได้พบหนังสือ The Tao of Physics ของ ฟริตจ๊อฟ คราปา ท่านอ่านอย่างตื่นตาตื่นใจ และจิตใจของนักฝันผู้มีไฟปรารถนาอันแรงกล้าคนนี้ก็พลุ่งโพลงรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกครั้ง

ฐานะทางสติปัญญาของคุณหมอประสานในสังคมไทย
ครูของผม คือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่ผมเอาท่านตั้งไว้ในฐานะของคนมีสติปัญญาอันดับหนึ่งของสังคมไทยคนหนึ่ง ปัญญาชนญี่ปุ่นคนหนึ่งถึงกับกล่าวไว้ว่า ในแต่ละประเทศจะมีคนสักห้าคน ที่ค้ำจุนให้ประเทศนั้นตั้งอยู่ได้ เขาถือว่าอาจารย์สุลักษณ์เป็นหนึ่งในห้าคนนั้น แต่อาจารย์สุลักษณ์ไม่ได้มีเส้นทางตัดกับหมอประสานสักเท่าไร ทั้งนี้ เพราะคนหนึ่งเป็นสังคมนิยม ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นอนุรักษนิยม

หมอประสานมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่เกื้อกูลกันมาตลอดคือ หมอประเวศ วะสี ความล้ำเลิศทางสติปัญญา ผมเหมาเอาง่ายๆ ว่า ท่านทั้งสามใกล้เคียงกัน แต่นำมาใช้ต่างกรรมต่างวาระอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน

Advertisement

ส.ศิวรักษ์ เลือกเดินทางนอกระบบ เป็นปัญญาชน นักวิพากษ์สังคม ในพาสปอร์ตของอาจารย์จะเรียกตัวเองว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์ อาจารย์เป็นเอกในการจับประเด็นทางสังคม และช่วยฟูมฟักบรรยากาศทางปัญญาในสังคมไทย สร้างเวทีให้เกิดคนเด่นๆ ทางสติปัญญามาทำงานให้สังคมไทยมากมาย และเป็นระลอกของกระบวนการนอกระบบต่างๆ ที่น่าสนใจ ความคิดของท่านเป็นไปในทางปฏิวัติมากกว่าการปฏิรูป

คุณหมอประเวศฝังตัวในระบบราชการ เป็นนักปฏิบัติ ผู้เอื้อให้คนดีได้กระทำการอันเป็นประโยชน์ การปฏิรูประบบสาธารณสุขจากภายในระบบราชการ ต้องนับเป็นความสำเร็จชิ้นเอกของท่าน คุณหมอประเวศเป็นนักจับประเด็นเชิงปฏิบัติ งานพูดงานเขียนของท่านเรียบง่ายทรงพลัง อบอุ่น มีเสน่ห์ สามารถชักจูงคนส่วนใหญ่ให้คล้อยตามได้ ไม่แรงเกินไปอย่างอาจารย์สุลักษณ์ และไม่ลึกเกินไปอย่างยากที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจได้อย่างหมอประสาน ท่านจึงสามารถเคลื่อนคนออกมาทำอะไรได้กว้างกว่าอีกสองท่านที่ยกมาเทียบเคียงกัน

ส่วนคุณหมอประสานนั้น หลังปี พ.ศ.2518 เป็นต้นมา ท่านมาพบเรื่องราวของวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ ต้องนับว่าในสังคมไทย หนึ่ง ท่านอ่านงานวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่มากที่สุดและจับประเด็นได้ลึกซึ้งไม่แพ้คนเขียนเห็นเรื่องหลักรองได้มากที่สุด ที่สำคัญท่านอ่านลึกเข้าไปในเรื่องราวของควอนตัมฟิสิกส์ ที่ลึกซึ้งเกินปัญญาของสามัญชนอย่างเรา จนสามารถเห็นกระจ่างในเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด

ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นความลุ่มลึกของท่านคือ ท่านกล่าวเป็นข้อสรุปอันทรงพลังว่า ความรู้เรื่องความเป็นจริงของจักรวาลนี้ เศษหนึ่งส่วนสามเป็นของวิทยาศาสตร์เก่า และความรู้ของวิทยาศาสตร์ใหม่ (หรือวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่) ครอบคลุมวิทยาศาสตร์และยังมีเพิ่มขึ้นมาอีกเศษหนึ่งส่วนสาม ตกลงวิทยาศาสตร์ใหม่ครอบคลุมความรู้ในจักรวาลเศษสองส่วนสาม อีกเศษหนึ่งส่วนสามที่เหลือเป็นเรื่องของจิต
ท่านกล่าวต่อว่า นักวิทยาศาสตร์พยายามอย่างเต็มที่ที่จะก่อประกอบความรู้ทางวัตถุธาตุนี้ให้ครอบคลุมเรื่องราวทั้งหมด แต่ทำไม่ได้ ยิ่งได้ความรู้มามากเท่าไร ความจริงก็ยิ่งหนีออกไป จนปัญญาชนด้านวิทยาศาสตร์บางท่านยอมจำนนและยกให้อีกเศษหนึ่งส่วนสามเป็นเรื่องของ “จิต” นั้นเอง

มรดกของคุณหมอประสาน
หนึ่ง งานเขียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ ที่ประมวลรวมมากว่าสิบเล่ม ดีงามและสำคัญมาก ท่านเป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่เขียนงานเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ ลึกซึ้ง หากมีใครเห็นคุณค่า ควรรวบรวมมาพิมพ์ซ้ำ อย่างน้อยรวมบทความที่ดีที่สุดของท่านมารวมพิมพ์ซ้ำสักหนึ่งเล่มจะดีงามมาก

สอง ท่านได้เมตตาดูแล บ่มเพาะสติปัญญาและหลายคราก็ดูแลจิตวิญญาณของพวกเรา ให้เติบโตด้านในและด้านสติปัญญา หลายคนกลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานด้านกระบวนทัศน์อย่างจริงจัง

สาม ท่านเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มจิตวิวัฒน์ ซึ่งต่อมากลุ่มนี้ได้ช่วยกันสร้างสานงานด้านสติปัญญา โดยใช้ชื่อว่า “จิตตปัญญา” เกิดงานต่อเนื่องอย่างมีพลังในสังคมไทย

ระยะเริ่มต้นของการก่อตั้งกลุ่มจิตวิวัฒน์นี้ มี นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และ ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ (เอเชีย) เป็นคนสำคัญ ส่วนทางกลุ่มของผมมีเมธาวี และนิพนธ์ แจ่มดวง แรกมีการประชุมก่อตั้งกันนั้น เราใช้ชื่อว่า “บุพนิมิตกระบวนทัศน์ใหม่” ซึ่งนิพนธ์ เป็นผู้นำเสนอ ต่อมา ดร.เอเชียได้ไปพูดคุยกับคุณหมอประเวศ วงของเราจึงใหญ่ขึ้น และใช้ชื่อ “จิตวิวัฒน์” สืบต่อมา พร้อมด้วยบารมีของคุณหมอประเวศ จึงมีทุนรอนและที่ประชุมอย่างเป็นทางการกันทุกเดือนต่อมาได้หลายปี จนค่อยๆ ผ่องถ่ายงานออกมาในชื่อของจิตตปัญญา โดยคนที่คิดศัพท์ “จิตตปัญญา” ขึ้นมาก็คือ ศ.สุมน อมรวิวัฒน์

ปัจฉิมพจน์
ทุกครั้งที่พวกเรา ไม่ว่าในกลุ่มของลูกๆ ทางจิตวิญญาณของคุณหมอ หรือในกลุ่มจิตวิวัฒน์ การพูดคุยที่มีคุณหมออยู่ด้วย ช่วยปลุกจิตวิญญาณให้เปล่งประกายเข้มข้นอย่างน่าประหลาด แม้เมื่อท่านเริ่มป่วยและอ่อนล้าทางกาย ท่านจะลุกขึ้นมามีพลังอย่างประหลาดล้ำ และดูเหมือนจิตวิญญาณของท่านลุกโพลงขึ้นมา ผมนึกถึง ดอน กิโฆเต้ แมนออฟลามันช่า นึกถึงเพลง The Impossible Dream

ตั้งแต่ที่ท่านได้มาค้นพบวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ ชีวิตท่านเป็นไปดั่งเพลงนี้จริงๆ ผมใคร่ขอนำคำแปลบางส่วนของเนื้อร้องเข้ามาในข้อเขียนนี้ตามภาษาหัวใจของผมเองว่า “และเมื่อฉัน (คุณหมอประสาน) ได้จริงแท้กับเสียงเพรียกอันเรืองโรจน์นี้ หัวใจของฉันก็จะรับรู้ได้ถึงสันติสุขและจะสงบลง ในยามที่ฉันล้มตัวลงสู่นิทรา”

วิศิษฐ์ วังวิญญู
เมธาวี เลิศรัตนา

เขียนในนามของเพื่อนๆ ร่วมวงกลุ่ม
จิตวิวัฒน์ที่คุณหมอเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง
www.thaissf.org, twitter.com/jitwiwat
สนับสนุนโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image