จากการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 มายังความพยายามจะยุบพรรคอนาคตใหม่ นับแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา
มีพัฒนาการ
เป็นพัฒนาการจากการจับผิดในเรื่องทุจริตหรือประพฤติมิชอบในกระบวนการ “เลือกตั้ง” มาเป็นการจับผิดในเรื่องการล้มล้าง “ประชาธิปไตย”
นั่นก็คือ จาก “เทคนิค” เลือกตั้งมาเป็นเรื่องเชิง “อุดมการณ์”
เท่ากับว่า กระบวนการเอาผิดทางการเมืองไทยได้ยกระดับเป็นอย่างสูง จากการต่อสู้กันในทางการเมืองไปสู่การต่อสู้กันในทาง “ความคิด”
เท่ากับยิ่งต่อสู้ ยิ่งถลำลึก
ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่ากระบวนการยุบพรรคเป็นเรื่องในทาง “กายภาพ” ขณะที่การดำรงอยู่ของพรรคการเมืองเป็นเรื่องในทางความคิด อุดมการณ์
เท่ากับเป็นการต่อสู้ในเชิง “อุดมการณ์”
ปัจจัยหนึ่งซึ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือ การต่อสู้ทางการเมืองอันแหลมคมอย่างยิ่งในสังคมไทยดำเนินไปในแบบการต่อสู้ยืดเยื้อ
จากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
ขณะที่ยังไม่สามารถลบล้างหรือ “ขจัด” ผลพวงจากชัยชนะและความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยลงได้ก็ได้เกิดศัตรูใหม่ ปรปักษ์ทางการเมืองใหม่
นั่นก็คือ พรรคอนาคตใหม่
ลำพังกระบวนการของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ก็ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งในการกำจัดและขจัดอยู่แล้ว
เมื่อเพิ่มพรรคอนาคตใหม่เข้ามาอีก ยิ่งต้องปวดหัว
หากไม่ชวนให้ปวดหัวทำไมจะต้องมีพรรครวมพลังประชาชาติไทย ทำไมจะต้องมีการเสนอประเด็นว่าด้วยลัทธิชังชาติเข้ามา
นี่ย่อมเป็นการตั้งแนวรบกับพรรคอนาคตใหม่โดยแท้
จากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กระทั่งรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 สะท้อนให้เห็นความเข้มข้นในการสัประยุทธ์ทางการเมือง
1 ศัตรูเก่าคือพรรคไทยรักไทยก็ยังดำรงอยู่
ขณะเดียวกัน ศัตรูใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่ก็ปรากฏตัวด้วยความคึกคัก เข้มข้นและดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็น “กัมมันตะ” ไม่น้อย
หากไม่มี “กัมมันตะ” ก็คงไม่รีบเร่งในการกำจัด
ไม่เพียงแต่จะมีคดีความประเคนให้มากกว่า 20 คดี หากแต่ยังมีการจัดตั้งปฏิบัติการ IO ตามแผนมิติสงครามโดยเฉพาะ
ยิ่งต่อสู้ ลักษณะ “กัมมันตะ” อันมาจากพรรคอนาคตใหม่ยิ่งเข้มข้น
ความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งก็คือ หากพรรคอนาคตใหม่สามารถประสานพลังเข้ากับพรรคเพื่อไทยอันสะสมความจัดเจนมาจากยุคพรรคไทยรักไทย
แนวรบนี้จะยิ่งเข้มข้น ดุเดือด
ไม่มีใครรู้ว่าคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อพรรคอนาคตใหม่จะดำเนินไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือสังคมตระหนักว่า
ถึงจะมีคำสั่งยุบ การต่อสู้ก็ไม่จบ
มิใช่เพราะพลานุภาพของพรรคอนาคตใหม่ซึมลึก กว้างขวาง หากแต่เพราะเห็นตัวอย่างมาแล้วจากกรณีของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
การดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยยังน่าเกรงขามในทางการเมือง