การเมือง อ่อนไหว บิ๊กตู่ นับถอยหลัง รับมือ มรสุมใหญ่

การเมือง อ่อนไหว

บิ๊กตู่ นับถอยหลัง

รับมือ มรสุมใหญ่

การประชุมรัฐสภาผ่านพ้นไปอีก 1 สมัยการประชุม คาดการณ์กันว่าในเดือนพฤษภาคม จะเปิดสมัยการประชุมต่อไป ซึ่งถือเป็นสมัยการประชุมที่ท้าทายความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างยิ่ง

เนื่องจากในสมัยการประชุมครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องฝ่าฟันให้พ้นมรสุมการเมืองลูกใหญ่

อย่างน้อยก็ต้องผ่านพ้นการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรต้องลงมติกัน

อย่างน้อยก็ต้องผ่านกฎหมายการเงินที่มีความสำคัญอื่นๆ เพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป

อย่างน้อยก็ต้องเผชิญหน้ากับคำวินิจฉัยกรณีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกินกว่า 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

รวมไปถึงคดีความหลากหลายที่มีการเลื่อนจากปัจจุบันไปตัดสินในอนาคต โดยเฉพาะคดีเหมืองทองอัครา

ทุกๆ ประการ ล้วนจะเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ในทางการเมือง ประชาธิปไตยระบบรัฐสภาที่ขึ้นกับเสียงข้างมาก ทำให้คะแนนเสียงจาก ส.ส.ในแต่ละพรรคมีความสำคัญ

เมื่อกลุ่ม ส.ส. นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องพ้นจากพรรคพลังประชารัฐไปตามมติขับ เสถียรภาพรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็กลายเป็นหัวข้อการสนทนาในทุกๆ การประชุมสภา

เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมทราบดี จึงมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ระมัดระวังเรื่องการประชุมสภาอย่างมาก

เริ่มตั้งแต่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ฝ่ายรัฐบาลเติมเสียงที่ขาดหายไปให้เพียงพอต่อการโหวตในสภา

กระทั่งมีกระแสสะพัดว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โชว์โพย ส.ส.ที่สนับสนุนรัฐบาลว่ามี 260 คน

ระยะหลังมักได้ยินข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับเสียงในสภา

ทั้งบิ๊กป้อมยกมือไหว้ ส.ส. ขออย่าให้สภาล่ม ทั้งบิ๊กป้อมกำชับในที่ประชุมพรรค ขอให้ ส.ส.เข้าร่วมการประชุมสภา

ล่าสุด เมื่อรัฐสภามีการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง

ปรากฏข่าวอีกครั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล หวั่นว่าจะมีกลุ่มป่วนทำให้ ร่าง พ.ร.ป.ฉบับใดฉบับหนึ่งไม่ผ่าน

คล้ายกับว่ามีผู้จงใจจะสร้างสถานการณ์ ทำให้การเมืองตกอยู่ในสุญญากาศ

พร้อมๆ กันนั้น มีกระแสข่าวต้องการให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้ายังคงใช้บัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว ซึ่งจะขยายกลายเป็นเงื่อนไขทำให้ร่าง พ.ร.ป.สะดุด

กระแสข่าวรัฐประหารกระพือขึ้นมาอีกหน

กระแสข่าวที่ปรากฏจะเป็นจริงจะเป็นเท็จเพียงใด ต้องจับตาเฝ้าสดับฟังเป็นระยะๆ

แต่ข่าวที่สะพัดขึ้นมาเช่นนี้ เกิดขึ้นทุกครั้งที่เสถียรภาพทางการเมืองไม่มั่นคง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงออกชัดเจนว่าจะอยู่ต่อจนครบเทอม สังเกตจากระยะแรกที่มีความพยายามจะผ่านร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับ เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองเร็วๆ

ถึงขนาดมีข้อเสนออยากให้พิจารณาให้จบกันไวๆ โดยเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ

แต่หลังจากนั้น ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้กลายเป็นจริง เพราะวิปรัฐบาลมองว่าไม่จำเป็นต้องเปิดสมัยวิสามัญ

พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศชัดเจนว่าไม่ยุบ ไม่ลาออก

พล.อ.ประวิตร ก็ตอกย้ำความสัมพันธ์กับบิ๊กตู่ว่าไม่ทิ้งกัน และยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป

ดังนั้น โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครใจลาออกจึงเป็นไปได้ยาก

แต่โอกาสที่จะยุบสภา เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองก็มีอยู่มาก

หากแต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ ต้องเปิดสภา

ในเมื่อมรสุมการเมืองใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นในสมัยการประชุมรัฐสภาครั้งหน้า เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถใช้เวลาในห้วงที่การประชุมรัฐสภายังไม่เปิดสมัยประชุม

คิดหาวิธีการรับมือกับมรสุมที่กำลังจะเกิดขึ้น

ดังนั้น นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในขณะที่รัฐสภาปิดสมัยประชุม ถือเป็นโอกาสของฝ่ายรัฐบาลที่จะใช้เวลาที่มีอยู่ตระเตรียมการ

เป็นเวลาที่นับถอยหลังก่อนการประชุมรัฐสภาสมัยหน้าจะเริ่มต้น

เป็นเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้โชว์ฝีมือในด้านการบริหาร สร้างผลงาน และแก้ปัญหาที่ถูกครหา

เป็นเวลาที่ พล.อ.ประวิตร จะเติมเสียง ส.ส.สนับสนุนรัฐบาลให้เกิดความมั่นคง

ขณะเดียวกันก็ตระเตรียมการไว้สำหรับอุบัติเหตุทางการเมือง หากว่าต้องเกิดขึ้น

เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้านที่ช่วงปิดสมัยประชุมสภา เป็นห้วงเวลาของการเตรียมตัว

ช่วงเวลานี้จึงนับเวลาถอยหลัง

ถอยหลังไปจนถึงการประชุมรัฐสภาสมัยหน้า ซึ่งมีโอกาสก่อเกิดมรสุมทางการเมืองขึ้นมาอีกคำรบ

หลังจากมรสุมแต่ละลูกพัดกระหน่ำ ผลจะออกมาอย่างไร น่าติดตาม

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่