ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คอลัมน์หน้า 3 : สปอตไลต์ ฉายจับ บทบาท ‘จีน’ ยุค ‘สี จิ้นผิง’ สงคราม สันติภาพ
ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนของรัสเซียจากการตัดสินใจ โดย วลาดิมีร์ ปูติน ท้าทายต่อมโนธรรมสำนึกของจีนเป็นอย่างสูง
แต่ละก้าวย่าง จึงต้องรอบคอบ
เพราะในสายตาของโลกที่มองไปยังจีนก็ประจักษ์ในสายสัมพันธ์อันยาวนานที่จีนเคยมีตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต
และจัดให้จีนอยู่ในแนวเดียวกับ “รัสเซีย”
จีนเองก็ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์นี้ เพียงแต่พยายามจัดระยะห่างที่เหมาะสม สร้างความแตกต่างให้โลกรับรู้ว่าเป็นอย่างไร
นั่นคือเป็นแบบ “จีน” มิใช่แบบ “เกาหลีเหนือ”
ขณะเดียวกัน จีนเองก็ตระหนักว่านับแต่เกิดสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ขึ้น โลกมิได้มองแต่รัสเซียและปูตินเท่านั้น
หากมองจีนและสี จิ้นผิงด้วย
แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแนบแน่นและถือว่ารวมอยู่ในแนวเดียวกับรัสเซียโดยพื้นฐาน แต่จีนก็ระมัดระวังในแต่ละจังหวะก้าว
แตะทั้ง “รัสเซีย” แตะทั้ง “ยูเครน”
จากการถูกแซงก์ชั่น และปิดล้อมในทางเศรษฐกิจและการเงิน จีนก็ให้ความเห็นใจและให้ความช่วยเหลือแก่รัสเซีย
เป็นการช่วยในจุดที่จีนสามารถทำได้
เนื่องจากในอีกด้านหนึ่ง จีนก็ตระหนักว่ายูเครนอยู่ในยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมยุคใหม่ของจีนด้วย
จึงปันเงินส่วนหนึ่งมอบให้ในทาง “มนุษยธรรม”
พร้อมกันนั้นก็ไม่ปัดปฏิเสธโอกาสที่จีนจะเข้าไปมีบทบาทในสถานะแห่ง “ตัวกลาง” เพื่อสร้างช่องทางและโอกาสในการเจรจา
เพียงแต่ “สหรัฐ” จะเปิดให้แค่ไหน เพียงใด
บทบาทของจีนต่อปฏิบัติการพิเศษทางทหารของปูตินในยูเครน ก่อให้เกิดนัยประหวัดไปยังบทบาทของญี่ปุ่นในห้วงก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา
ตัวอย่างเด่นชัดก็จาก “สงครามอินโดจีน”
เมื่อรัฐไทยกับฝรั่งเศสก่อการต่อสู้กันขึ้นในปี 2482 ญี่ปุ่นซึ่งมีความใกล้ชิดอยู่กับรัฐบาลไทยก็เข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ย
อาจก่อให้เกิดความสงบได้ระยะหนึ่ง
แต่ภายหลังจากญี่ปุ่นตัดสินใจยกกำลังจากอินโดจีนและจากน่านน้ำแปซิฟิกโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านในเดือนธันวาคม 2484
ก็ทำให้ไทยต้องถูกกวาดเข้าสู่สงคราม
บทบาทของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจีน ไม่ว่าไทย ไม่ว่าฟิลิปปินส์ สำเหนียกรู้อย่างถ่องถ้วน
คำถามก็คือ จีนจะเล่นบทอย่างไร
ทางเลือกของจีนมี 2 แนวทาง นั่นก็คือ 1 เห็นดีเห็นงามไปกับปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซีย 1 วางตัวเหนือกว่าสถานการณ์ที่เป็นไป
เสนอแนวทาง “สันติ” เข้าแทนที่ “สงคราม”
หากเป็นในแนวทางหลัง จีนก็จะดำรงอยู่ในสถานะห้ามล้อของโลก เป็นการรั้งดึงบังเหียนของโลกให้ไม่ถลำลึกลงไป
รอดพ้นจาก “สงคราม” เข้าไปอยู่ในแดน “สันติ”