ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คอลัมน์หน้า 3 : การแยก แตกตัว ใน องค์ประกอบ ‘3 ป.’ เน้น แยกกันเดิน
ไม่ว่าการปรากฏขึ้นของ 1 พรรคเศรษฐกิจใหม่ ไม่ว่าการปรับโครงสร้างและจัดระเบียบภายใน
ของ 1 พรรคพลังประชารัฐ
สามารถ “อธิบาย” ได้
ไม่ว่าจะมองผ่านภาพของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ไม่ว่าจะมองผ่านคำอธิบายในท่วงทำนองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
จะเข้าใจ “บิ๊กน้อย” ต้องทำอย่างไร
โดยพื้นฐานต้องเข้าใจ 1 การเข้ามาของอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และ 1 การเข้ามาของฝ่ายหารายได้จากมูลนิธิป่ารอยต่อ
ภายในโครงสร้าง “ใหม่” ใน “พลังประชารัฐ”
รูปธรรมทั้งหมดนี้เท่ากับยืนยันการบริหารจัดการ 2 พรรคการเมืองในทิศทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำหนดเอาไว้
ถามว่าทิศทางนี้เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่
ใครที่ติดตามสถานการณ์การเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับแต่วิกฤตเมื่อเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา
ก็จะมองเห็น “จังหวะ” ของ “การเคลื่อนไหว”
เป็นการเคลื่อนไหวที่จะกำจัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไป เป็นการเคลื่อนไหวที่จะรุกเข้าไปควบคุมพรรคพลังประชารัฐ
จึงปรากฏตัวละครอย่าง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
จึงปรากฏตัวละครอย่าง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อย่าง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อย่าง นายสุชาติ ชมกลิ่น อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์
เปิดยุทธการรุกไล่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ในที่สุดก็นำไปสู่การจัดตั้ง 1 พรรคเศรษฐกิจไทย และ 1 นำไปสู่การดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
นี่เป็นชัยชนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงละหรือ
การประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐที่นครราชสีมาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมายิ่งสะท้อนอย่างเด่นชัดว่าการนำทางการเมืองอยู่ในมือใคร
อยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เห็นได้จากการนำเอา 2 นายพลที่ทำงานอย่างใกล้ชิดเข้ามามีตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐ
เหมือนที่เคยแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
แม้ว่า ณ วันนี้ จะไม่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่เรียงเคียงกาย แต่ตำแหน่งเหรัญญิกพรรค ก็ยังเป็นของ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ไม่มีตำแหน่งให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
ยิ่งการดำรงอยู่ของกลุ่ม 3 มิตร ไม่ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่า
นายอนุชา นาคาศัย ยิ่งเลื่อนลอย
นี่ย่อมมิใช่สภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการ
กระบวนท่าของ “กลุ่ม 3 ป.” จึงดำเนินไปอย่างแบ่งแยกแตกทิศทางออกมาอย่างเด่นชัดมิอาจปิดบังอำพรางเอาไว้ได้
นั่นก็คือ เป็น 1 ป. กับ 2 ป.
1 ป.กุมพรรคพลังประชารัฐ กุมพรรคเศรษฐกิจไทย และมีแนวโน้มว่า 2 ป.จะต้องรีบเร่งในการอัดฉีดพรรครวมพลังสร้างไทยโดยเร็ว
ถามว่า ยุทธการ “แยกกันเดิน” เช่นนี้เมื่อ “รวมกันตี” จะเป็นเช่นใด