| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
คําประกาศของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สร้างความสั่นสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง ทำให้ญัตติอภิปรายทั่วไปมากด้วยความร้อนแรง
ไม่เพียงเพราะจะขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “ฝ่ายค้าน”
หากแต่ยังพร้อมที่จะเปิดการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ หากฝ่ายค้านเปิดกว้างให้ได้แสดงบทบาท
ไม่เพียงเพราะ “บทบาท” ใน “กาลอดีต”
เป็นบทบาทที่มีส่วนในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ 1 พรรคพลังประชารัฐ และ 1 ผลักดันพิมพ์เขียวการต่อท่อ “อำนาจ” ให้เป็นจริง
ดำรงอยู่ในจุดอันเป็น “เส้นเลือดใหญ่”
หากแต่บทสรุปที่หนักแน่นและมั่นคงเป็นอย่างมาก คือ บทสรุปอันยืนยันกระแสและความรู้สึกในทางสังคมอันสำคัญ
นั่นก็คือ การไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากบทสรุปนี้มาจากนักการเมืองอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
คนอาจจะ “ฟัง” แต่ยังไม่ “มั่นใจ”
เพราะ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อยู่ในสถานะแห่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” เพราะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือผู้สืบทอดแห่ง “อนาคตใหม่”
ย่อมไม่เชื่อถือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่แล้ว
แต่เมื่อเป็นเสียงของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเคยเป็น “วงใน” ของแผ่นสืบทอดอำนาจให้กับระบอบ
โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน
อย่างน้อยก็เคยเป็น 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างน้อยก็เคยดำรงตำแหน่ง 1 เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ย่อมรู้เส้นสนกลใน ไส้กี่ขดต่อกี่ขดเป็นอย่างดี
คําประกาศยืนยันที่ว่าความรู้สึกของประชาชนไม่เอา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่เพียงเป็นการยืนยัน
ที่สำคัญ ก็คือจะกลายเป็น “กระแส”
ทำให้การเคลื่อนไหวอันเคยก่อรูปผ่าน “เยาวชนปลดแอก” และ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” เกือบตลอดปี 2563
มีความหนักแน่น และจริงจัง
และเมื่อคำประกาศนี้มาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แห่งพรรคเศรษฐกิจไทย จึงได้กลายเป็นป้อมค่ายแห่งการต่อสู้ทางการเมือง
ในสมรภูมิ “การเลือกตั้ง” อย่างไม่ต้องสงสัย
กลายเป็นแนวรบทางการเมืองอันก่อรูปขึ้นเป็น 1 ต้องการ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปต่อ 1 ต่อต้านการครองอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“แนวรบ” นี้จะชี้ “อนาคต” ประเทศไทย
สถานการณ์อันก่อให้เกิดแนวรบทางการเมืองในลักษณะเดียวกันนี้มีตัวอย่างมาแล้วในการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.”
เมื่อคนกรุงเทพฯเลือก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ถูกโค่นไปพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
แนวรบนี้จะยิ่ง “ร้อนแรง” และกลายเป็น “ทางออก” ในที่สุด
