ฟื้นประเทศเริ่มที่‘กกต.’

ฟื้นประเทศเริ่มที่‘กกต.’

14 พฤษภาคม อีกเกือบ 2 เดือนที่จะถึงประเทศไทยเราจะมีการเลือกตั้งทั่วไป เป็น “เลือกตั้งใหญ่ที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศ” ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรท่ามกลางความผันผวนในทุกด้านของสถานการณ์โลกที่ส่งผลกระทบและมีส่วนอย่างมากที่จะกำหนดความเป็นไป

ความขึงเครียดที่เกิดขึ้นในทุกมิติของโลก ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ ความปั่นป่วนของภาวะเศรษฐกิจในยุโรป การเมืองภายในที่รอวันระอุร้อนในจีน ความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโลกที่ส่งผลต่อความเจ็บไข้ได้ป่วยของชีวิต และภัยธรรมชาติที่คาดไม่ถึง

ชีวิตของไทยที่ประเทศเผชิญกับภาวะหนี้สินรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา ความขัดแย้ง แตกแยกทางการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือร่วมใจในการต้องช่วยกันคลี่คลายปัญหา

Advertisement

ผู้นำที่มีความรู้ความสามารถพร้อม รัฐบาลที่มีคุณภาพพอจะสร้างประสิทธิภาพในการบริหาร เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นหลังจากนี้

ประเทศไทยเราสมบุกสมบันกับสถานการณ์ที่บีบคั้นมามากพอแล้ว

หากหลังเลือกตั้งเราได้ “ผู้นำไร้สติปัญญา-รัฐบาลที่ไร้ความสามารถ” เลยไปถึง “นักการเมืองที่ขาดสำนึกเสียสละต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เอาผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องเป็นเป้าหมายของการเข้ามามีอำนาจ”

Advertisement

ชะตากรรมของประเทศ และความเป็นไปของชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเสี่ยงที่จะถูกนำพาไปสู่ภาวะชวนให้เวทนา

“การเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้” จึงมีความหมายอย่างยิ่ง

แต่ถึงแม้ประเทศชาติและชีวิตประชาชนจำเป็นต้องทำให้ได้ “ผู้นำที่ชาญฉลาดปราดเปรื่อง” และ “รัฐบาลที่ถึงพร้อมด้วยประสิทธิภาพ” ด้วยเหตุผลอย่างที่กล่าวมา

ประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับภาวการณ์ที่ชวนให้ต้องวิตกกังวลมากมายอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ว่าใครก็ตามที่ติดตามความเป็นไปที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จะสัมผัสได้ถึงสภาพที่หวังไว้ได้เลยกับการได้มาซึ่ง “นักการเมืองที่มีคุณสมบัติอย่างที่หวังไว้”

คนทั้งประเทศรับรู้ถึงเรื่องราวของการเลือกตั้งที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของการอำนวยให้ “นักการเมืองที่คุณภาพเหมาะสมกับการทำให้ประเทศก้าวหน้าไปตามเงื่อนไขของยุคสมัย”
เป็นการเลือกตั้งที่หวั่นวิตกจะใช้ “กติกา” และ “กลไก” ของ “โครงสร้างที่ออกแบบไว้ เพื่อประโยชน์ของบางกลุ่ม” เข้ามาควบคุม

เป็นการเลือกตั้งที่เล่ากันในทุกวงสนทนาการเลือก ถึงเรื่องราวและวิธีการใช้เงินกำหนดผลคะแนนอย่างครึกโครม กระฉ่อนไปทั่วด้วยตัวเลขที่จ่ายกันมหาศาลในทุกขั้นตอนของการได้มาซึ่ง ส.ส.

ประเมินกันว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ถูกแทรกแซงด้วย “กลไกที่ถูกออกแบบไว้” ชนิดนี้เลี่ยงบาลีจากสามัญสำนึกของความชอบธรรมอย่างพ้นจากความละอายที่ควรมีอยู่บ้างในความรู้สึกนึกคิดของการทำหน้าที่

ขณะที่ความเป็นจริงมีอยู่ว่า “การเลือกตั้ง” ที่ไม่มีสภาพของ “ความชอบธรรม” ในระดับที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับได้ ย่อมไร้ประสิทธิภาพในการสร้าง “ผู้นำที่ได้รับความเชื่อถือศรัทธา” ได้ “รัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมให้ความมือ” ซึ่งมีความสำคัญต่อ “ประสิทธิภาพของความสามารถในการบริหารจัดการประเทศ”

ประเทศไทยเราในภาวะสถานการณ์โลกที่อ่อนไหวต่อการไปไม่รอด และส่งผลให้ชีวิตประชาชนอาจเดือดร้อนรุนแรงเช่นนี้ มีหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยง จบจากสภาพอันเสี่ยงเกินไปต่อความเลวร้ายคือ

ต้องไม่ปล่อยให้ผลการเลือกตั้งถูกกำหนดด้วยพฤติกรรมที่สร้าง “ความไม่เป็นธรรม” ในความรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่

และหน้าที่โดยตรงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นจนจบ มี “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” เป็นผู้รับผิดชอบ และกำหนดผลที่จะเกิดขึ้น

ดังนั้น การควบคุมให้ “กกต.” ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่ทุกคน ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน

อย่าปล่อยให้การทำหน้าที่อย่างเลอะเลือนต่อ “ความชอบธรรม” เกิดขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนจบขั้นตอนสุดท้าย

ประเทศไทยเราวันนี้จำเป็นต้องมี “ผู้นำที่ฉลาดพอ” และ “รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ”

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image